พรรคร่วมฝ่ายค้าน 3 พรรคคือ ประชาธิปัตย์-ชาติไทย-มหาชน ผนึกกำลังต่อต้าน "ระบบทักษิณ" ทำลายและบิดเบือนเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ เตรียมนัดแถลงแนวทางต่อสู้พร้อมกันอีกครั้งพรุ่งนี้ (26ก.พ.49).....
วันนี้ (25 ก.พ.49) พรรคฝ่ายค้านทั้ง 3 พรรคได้มีความเคลื่อนไหวต่อกรณีการยุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. 49 เวลาประมาณ 20.00 น.หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์-มหาชน-ชาติไทย ได้พร้อมใจเปิดแถลงข่าว โดยมีมติร่วมกันที่จะต่อต้านระบบทักษิณ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีความชอบธรรม ทำลายบิดเบือนเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ โดยให้มีการปฏิรูปการเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งสามพรรคจะกลับไปหารือเพื่อหาแนวทางต่อสู้และหาแนวทางการต่อสู้อีกครั้งในวันพรุ่งนี้(26ก.พ.)
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย แถลงว่า แต่ละพรรคจะกลับไปหารือกับสมาชิกพรรคอีกครั้งและจะมาแถลงพร้อมกันเห็นว่าระบบทักษิณเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย บิดเบือนเจตนารมณ์เปรียบเหมือน "ปล้นรัฐธรรมนูญกลางทาง"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากฝากไปถึงประชาชนทั่วประเทศ ว่าหลังจาก 3 พรรคการเมือง ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง ภายหลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา ต่างเห็นตรงกันว่า การยุบสภาที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามแก้ปัญหาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ตรงจุด เบี่ยงเบนประเด็น และยังร่วมมือ กับ กกต. กำหนดกรอบเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน รวมทั้งแถลงการณ์ของสำนักนายกรัฐมนตรี ก็บิดเบือนใส่ร้ายฝ่ายค้านและประชาชน ถือว่าไม่เป็นธรรม เป็นการตอกย้ำอำนาจอย่างต่อเนื่อง
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น และกำลังจะเกิดเป็นการตั้งระบบการเมืองใหม่ เป็น ระบบทักษิณ ซึ่งถือว่าไม่ชอบธรรมและเป็นอันตราย จึงเห็นตรงกันทั้ง 3 พรรคจะต่อสู้กับระบบที่ไม่ชอบ หากปล่อยให้มีต่อ จะเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง และการที่นายกรัฐมนตรีชอบอ้างว่า มาจากประชาชน แต่ยืนยันได้ว่า หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่ตนและหัวหน้าพรรคมหาชน เป็นคนกลุ่มแรกๆที่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 และยืนยันว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน และเห็นว่า ขณะนี้ รัฐธรรมนูญถูกปล้นกลางทาง บิดเบือนเจตนาไปแล้ว ดังนั้น ทั้ง 3 พรรคเห็นพ้องว่าจะต้องหาทางต่อสู้ต่อไป
“ พรรคเก่าแก่อันดับ 1 และ 2 ของประเทศ อยู่ที่นี่ และไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้ รู้ดีว่า การจะต่อสู้กับระบบที่สร้างใหม่ จำเป็นต้องรอบคอบหนักแน่น และมีคำตอบให้สังคมได้ในอนาคต การต่อสู้เพื่อปฏิรูปการเมืองต้องเดินต่อ นายกรัฐมนตรี ไม่มีสิทธิมาขีดเส้นว่า ใครก็ตามที่ชนะเลือกตั้ง แล้วจะต้องหยุดชงักกระบวนการปฏิรูปทางการเมือง เพราะประชาชนมีความชอบธรรมในการเรียกร้อง ซึ่งอุปสรรคของการปฏิรูปการเมือง คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วันนี้ ทั้ง 3 พรรค จะเดินหน้าต่อสู้กับเรื่องนี้ ส่วนจะดำเนินการอย่างไร จะกลับไปหารือกัน ในแต่ละพรรคและมาให้คำตอบในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้การปฏิรูปการเมืองเดินหน้าต่อไปได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ทั้ง 3 พรรคยังไม่ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งในการต่อสู้ โดยเฉพาะการไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส. และสิ่งที่คิดเพิ่มเติมคือ ต้องการให้สมบูรณ์ในแง่การปฏิรูปการเมือง จะให้หยุดลง เพียงเพราะการยุบสภาไม่ได้ และที่จะแถลงอีกครั้ง วันพรุ่งนี้ ไม่ใช่เพราะรอดูท่าทีของผู้ชุมนุม แต่เพราะเข้าใจว่าได้คำตอบมาก่อนแล้ว
ส่วนกรณีที่มีข่าว กกต.ระบุว่า ถ้าพรรคไหนไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง แสดงว่าไม่พร้อมเป็นพรรคการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หาก กกต.พูดเช่นนั้น ก็แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นกลางอย่างชัดเจน และขอให้ กกต.ไปถามตัวเอง และตรวจสอบข้อกฎหมาย เพราะไม่มีข้อบัญญัติใดที่บังคับว่า พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง และปัจจุบันมีหลายสิบพรรคการเมือง ที่มีชื่อในทะเบียน แต่ไม่ได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง
ต่อข้อถามว่า มีความเห็นอย่างไรที่ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งได้รวดเร็ว และสอดคล้องกับ พ.ร.ฎ.ยุบสภาของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้สอบถามเรื่องนี้กับ กกต.
ด้าน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า พรรคมหาชนเป็นพรรคเล็กๆ แต่ยืนยันว่ามีความมั่นคงกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน หากทั้ง 2 พรรค คือ พรรคชาติไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจอย่างไร ก็พร้อมปฏิบัติตาม แต่ส่วนตัวยังเชื่อมั่นตามที่ได้วิเคราะห์การเมืองไปแล้ว ว่าจะไม่มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน
“ที่ผ่านมา สิ่งที่ผมพูดถูกต้องมาโดยตลอด เช่น เคยพูดไว้ว่า รัฐบาลทักษิณ 2 จะอยู่ได้แค่ต้นปี 2549 ถึงวันนี้ก็เป็นเช่นนั้น และเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ ถึงอย่างไรนายกรัฐมนตรีต้องลาออก ต้องไม่รักษาการ ขอฟันธงว่านายกรัฐมนตรีต้องลาออกต้องไม่รักษาการ ” พล.ต.สนั่น กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า พรรคฝ่ายค้านมองว่า หากนายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามสังคมให้ชัดเจน เรื่องการขายหุ้นชินคอร์ป และจริยธรรม แม้ว่าจะมีการเลือกตั้ง แล้วพรรคไทยรักไทยได้รับชัยชนะ การเมืองก็จะกลับมาสู่จุดปัจจุบันอีกใช่หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ส่วนตัวคิดเช่นนั้น และคงจะมีการเลือกตั้ง 49/1 และ 49/2 มีไปไม่สิ้นสุด ดังนั้น ควรจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนเสียก่อน
“วันนี้ ฝ่ายค้านจำเป็นต้องมาร่วมวิเคราะห์การเมือง หากไม่ทำเช่นนี้ และปล่อยให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป จะเกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองไม่ได้อยู่ที่นักการเมืองเท่านั้น แต่อยู่ที่ประชาชนด้วย” พล.ต.สนั่น กล่าว
สำหรับที่วันนี้พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังไม่สามารถตัดสินใจเด็ดขาด เรื่องที่จะไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง เป็นเพราะได้รับการล็อบบี้จากฝ่ายรัฐบาลใช่หรือไม่ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ยืนยันว่า ไม่มีการล็อบบี้จากใคร และย้ำว่า ขอยืนยันเช่นเดียวกันนายอภิสิทธิ์ว่า ไม่ได้รับโทรศัพท์จากใครทั้งสิ้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ก.พ. 2549--จบ--
วันนี้ (25 ก.พ.49) พรรคฝ่ายค้านทั้ง 3 พรรคได้มีความเคลื่อนไหวต่อกรณีการยุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. 49 เวลาประมาณ 20.00 น.หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์-มหาชน-ชาติไทย ได้พร้อมใจเปิดแถลงข่าว โดยมีมติร่วมกันที่จะต่อต้านระบบทักษิณ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีความชอบธรรม ทำลายบิดเบือนเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ โดยให้มีการปฏิรูปการเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งสามพรรคจะกลับไปหารือเพื่อหาแนวทางต่อสู้และหาแนวทางการต่อสู้อีกครั้งในวันพรุ่งนี้(26ก.พ.)
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย แถลงว่า แต่ละพรรคจะกลับไปหารือกับสมาชิกพรรคอีกครั้งและจะมาแถลงพร้อมกันเห็นว่าระบบทักษิณเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย บิดเบือนเจตนารมณ์เปรียบเหมือน "ปล้นรัฐธรรมนูญกลางทาง"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากฝากไปถึงประชาชนทั่วประเทศ ว่าหลังจาก 3 พรรคการเมือง ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง ภายหลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา ต่างเห็นตรงกันว่า การยุบสภาที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามแก้ปัญหาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ตรงจุด เบี่ยงเบนประเด็น และยังร่วมมือ กับ กกต. กำหนดกรอบเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน รวมทั้งแถลงการณ์ของสำนักนายกรัฐมนตรี ก็บิดเบือนใส่ร้ายฝ่ายค้านและประชาชน ถือว่าไม่เป็นธรรม เป็นการตอกย้ำอำนาจอย่างต่อเนื่อง
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น และกำลังจะเกิดเป็นการตั้งระบบการเมืองใหม่ เป็น ระบบทักษิณ ซึ่งถือว่าไม่ชอบธรรมและเป็นอันตราย จึงเห็นตรงกันทั้ง 3 พรรคจะต่อสู้กับระบบที่ไม่ชอบ หากปล่อยให้มีต่อ จะเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง และการที่นายกรัฐมนตรีชอบอ้างว่า มาจากประชาชน แต่ยืนยันได้ว่า หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่ตนและหัวหน้าพรรคมหาชน เป็นคนกลุ่มแรกๆที่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 และยืนยันว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน และเห็นว่า ขณะนี้ รัฐธรรมนูญถูกปล้นกลางทาง บิดเบือนเจตนาไปแล้ว ดังนั้น ทั้ง 3 พรรคเห็นพ้องว่าจะต้องหาทางต่อสู้ต่อไป
“ พรรคเก่าแก่อันดับ 1 และ 2 ของประเทศ อยู่ที่นี่ และไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้ รู้ดีว่า การจะต่อสู้กับระบบที่สร้างใหม่ จำเป็นต้องรอบคอบหนักแน่น และมีคำตอบให้สังคมได้ในอนาคต การต่อสู้เพื่อปฏิรูปการเมืองต้องเดินต่อ นายกรัฐมนตรี ไม่มีสิทธิมาขีดเส้นว่า ใครก็ตามที่ชนะเลือกตั้ง แล้วจะต้องหยุดชงักกระบวนการปฏิรูปทางการเมือง เพราะประชาชนมีความชอบธรรมในการเรียกร้อง ซึ่งอุปสรรคของการปฏิรูปการเมือง คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วันนี้ ทั้ง 3 พรรค จะเดินหน้าต่อสู้กับเรื่องนี้ ส่วนจะดำเนินการอย่างไร จะกลับไปหารือกัน ในแต่ละพรรคและมาให้คำตอบในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้การปฏิรูปการเมืองเดินหน้าต่อไปได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ทั้ง 3 พรรคยังไม่ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งในการต่อสู้ โดยเฉพาะการไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส. และสิ่งที่คิดเพิ่มเติมคือ ต้องการให้สมบูรณ์ในแง่การปฏิรูปการเมือง จะให้หยุดลง เพียงเพราะการยุบสภาไม่ได้ และที่จะแถลงอีกครั้ง วันพรุ่งนี้ ไม่ใช่เพราะรอดูท่าทีของผู้ชุมนุม แต่เพราะเข้าใจว่าได้คำตอบมาก่อนแล้ว
ส่วนกรณีที่มีข่าว กกต.ระบุว่า ถ้าพรรคไหนไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง แสดงว่าไม่พร้อมเป็นพรรคการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หาก กกต.พูดเช่นนั้น ก็แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นกลางอย่างชัดเจน และขอให้ กกต.ไปถามตัวเอง และตรวจสอบข้อกฎหมาย เพราะไม่มีข้อบัญญัติใดที่บังคับว่า พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง และปัจจุบันมีหลายสิบพรรคการเมือง ที่มีชื่อในทะเบียน แต่ไม่ได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง
ต่อข้อถามว่า มีความเห็นอย่างไรที่ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งได้รวดเร็ว และสอดคล้องกับ พ.ร.ฎ.ยุบสภาของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้สอบถามเรื่องนี้กับ กกต.
ด้าน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า พรรคมหาชนเป็นพรรคเล็กๆ แต่ยืนยันว่ามีความมั่นคงกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน หากทั้ง 2 พรรค คือ พรรคชาติไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจอย่างไร ก็พร้อมปฏิบัติตาม แต่ส่วนตัวยังเชื่อมั่นตามที่ได้วิเคราะห์การเมืองไปแล้ว ว่าจะไม่มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน
“ที่ผ่านมา สิ่งที่ผมพูดถูกต้องมาโดยตลอด เช่น เคยพูดไว้ว่า รัฐบาลทักษิณ 2 จะอยู่ได้แค่ต้นปี 2549 ถึงวันนี้ก็เป็นเช่นนั้น และเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ ถึงอย่างไรนายกรัฐมนตรีต้องลาออก ต้องไม่รักษาการ ขอฟันธงว่านายกรัฐมนตรีต้องลาออกต้องไม่รักษาการ ” พล.ต.สนั่น กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า พรรคฝ่ายค้านมองว่า หากนายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามสังคมให้ชัดเจน เรื่องการขายหุ้นชินคอร์ป และจริยธรรม แม้ว่าจะมีการเลือกตั้ง แล้วพรรคไทยรักไทยได้รับชัยชนะ การเมืองก็จะกลับมาสู่จุดปัจจุบันอีกใช่หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ส่วนตัวคิดเช่นนั้น และคงจะมีการเลือกตั้ง 49/1 และ 49/2 มีไปไม่สิ้นสุด ดังนั้น ควรจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนเสียก่อน
“วันนี้ ฝ่ายค้านจำเป็นต้องมาร่วมวิเคราะห์การเมือง หากไม่ทำเช่นนี้ และปล่อยให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป จะเกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองไม่ได้อยู่ที่นักการเมืองเท่านั้น แต่อยู่ที่ประชาชนด้วย” พล.ต.สนั่น กล่าว
สำหรับที่วันนี้พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังไม่สามารถตัดสินใจเด็ดขาด เรื่องที่จะไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง เป็นเพราะได้รับการล็อบบี้จากฝ่ายรัฐบาลใช่หรือไม่ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ยืนยันว่า ไม่มีการล็อบบี้จากใคร และย้ำว่า ขอยืนยันเช่นเดียวกันนายอภิสิทธิ์ว่า ไม่ได้รับโทรศัพท์จากใครทั้งสิ้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ก.พ. 2549--จบ--