พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร
วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 34/2549
คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 20-26 มีนาคม 2549
ในช่วงวันที่ 20-21 มี.ค. ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมทะเลจีนใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีแนวพัดสอบเข้าหากันของลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พาดผ่านประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าว มีพายุฤดูร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ และในช่วงวันที่ 22-23 มี.ค. มีลมใต้พัดปกคลุม ประเทศไทย ทำให้มีอากาศร้อนและมีฝนบางแห่ง ในช่วงวันที่ 24-26 มี.ค. มีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่ง แผ่ลงมาปกคลุมทะเลจีนใต้ตอนบน ทำให้มีแนวพัดสอบของลมตะวันออกและลมใต้พาดผ่านปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคตะวันออกทำให้มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 20-21 และ 24-26 มี.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตก บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังภัยจากลมกระโชกแรง ในขณะที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้
เหนือ
อากาศร้อนในตอนกลางวันและอากาศร้อนจัดบริเวณจังหวัดตากและลำปาง อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส เว้นแต่ในช่วงวันที่ 20-21 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10% ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่งลมอ่อน 6-12 กม./ชม.
อากาศร้อนในตอนกลางวันและอากาศร้อนจัดบริเวณจังหวัดตากและลำปาง อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส เว้นแต่ในช่วงวันที่ 20-21 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10% ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่งลมอ่อน 6-12 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้อากาศร้อนในตอนกลางวันและอากาศเย็นในตอนเช้า ดังนั้นจึงควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง นอกจากนี้ควรระวังการเกิดอัคคีภัยและไฟป่าโดยดับไฟให้สนิททุกครั้ง หลังจากจุดไฟเพื่อใช้งานเสร็จแล้ว
ตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 20-21 และ24-26 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย 20-40% ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 20-21 และ24-26 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย 20-40% ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 20-21 และ 24-26 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตการเกษตรไว้กลางแจ้งเพื่อป้องกันความเสียหายเนื่องจากสภาวะดังกล่าว ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรรักษาความสมดุลระหว่างปริมาณน้ำกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงด้วย
กลาง
อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 20-21 และ 25-26 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-20% ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 20-21 และ 25-26 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-20% ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้อากาศแห้งทำให้น้ำระเหยได้เร็ว เกษตรกรจึงควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นดิน ส่วนผู้ที่ปลูกกล้วยไม้ในโรงเรือนควรพรางแสงแดดให้แก่พืชเพิ่มขึ้น
ตะวันออก
อากาศร้อนทางตอนบนของภาค อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 20-21 และ 25-26 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40% ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
อากาศร้อนทางตอนบนของภาค อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 20-21 และ 25-26 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40% ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 20-21 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรผูกโยงและค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการหักโค่นขณะลมพัดแรง และควรวางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
ใต้
ทางฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 20-22 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย 20-50% ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 23-26 มี.ค. มีฝนลดลงอยู่ในเกณฑ์บางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม/ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10 % ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทางฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 20-22 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย 20-50% ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 23-26 มี.ค. มีฝนลดลงอยู่ในเกณฑ์บางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม/ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10 % ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. สำหรับบริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรเก็บกักน้ำเอาไว้ใช้ และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ควรนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้งคลุมบริเวณโคนต้นพืช เพื่อรักษาความชื้นดิน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-