ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ระบุตัวเลขดุลการค้าในเดือน ม.ค.49 เป็นสัญญาณที่ดี นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ ก.พาณิชย์ประกาศตัวเลขดุลการค้าเดือน ม.ค.49 ขาดดุลจำนวน
442 ล.ดอลลาร์ สรอ.ว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งขาดดุลการค้ารวมทั้งปี 8,500 ล.ดอลลาร์ สรอ.
หรือเฉลี่ยเดือนละ 700 ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ คาดว่าดุลการค้าในปีนี้จะยังขาดดุลต่อไป เพราะประเทศไทยยังต้อง
นำเข้าน้ำมันอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะปรับลดราคาลง ทำให้ต้องซื้อ
น้ำมันในราคาสูงต่อไป แม้ปริมาณนำเข้าจะเพิ่มขึ้นไม่มากก็ตาม ในส่วนของดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะขาดดุล
2,000-4,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. ตามที่ประมาณการไว้ ด้านปัญหาการเมืองคาดว่าอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
ของผู้บริโภคและนักลงทุน โดยความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนลดลงอย่างต่อเนื่องมา 24 เดือนแล้ว (เดลินิวส์)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ม.ค.49 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 103.4 นายสันติ วิลาสศักดานนท์
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย
(Thai Industries Sentiment Index : TISI) ในเดือน ม.ค.49 โดยสำรวจ 527 กลุ่มตัวอย่าง ครอบคลุม
35 กลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 103.4 จาก 100.4
ในเดือน ธ.ค.48 โดยดัชนีส่วนใหญ่มีค่าเกินกว่า 100 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการค่อนข้างมีความเชื่อมั่นในสภาวะ
อุตสาหกรรมโดยรวมในระดับที่ดี มีเพียงดัชนีความเชื่อมั่นด้านต้นทุนการประกอบการที่ปรับตัวลดลงจาก 68.5 มาอยู่ที่
63.3 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังเกรงว่าภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับภาวะต้นทุนการประกอบการที่สูงขึ้น
เนื่องจากราคาวัตถุดิบ น้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง สำหรับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ
ผู้ประกอบการ 44.2% คิดว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศไม่มีผลต่อธุรกิจ ขณะที่ 49% คิดว่าส่งผลให้กิจการแย่ลง
และ 6.8% คิดว่าส่งผลให้กิจการดีขึ้น โดยนักอุตสาหกรรมมีความเป็นห่วงว่าหากสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อเกินกว่า
3 เดือนจะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์)
3. การผลิตรถยนต์ในประเทศเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.28 เทียบต่อปี นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์
โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงจำนวนการผลิตและการส่งออก
รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ของประเทศในเดือน ม.ค.49 ว่า ในภาพรวมมียอดการผลิตรถยนต์ทุกประเภทจำนวน 86,197 คัน
เพิ่มขึ้น 12.28% โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 37,269 คัน เพิ่มขึ้น 42.50% ถือว่าอุตสาหกรรมรถยนต์
ยังมีทิศทางที่ดีในระยะยาว (เดลินิวส์, โลกวันนี้)
4. ธ.กรุงเทพเปลี่ยนบัตรเครดิตจากแถบแม่เหล็กเป็นชิพการ์ดเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูล นายเดชา ตุลานันท์
กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า ในเดือน มี.ค.นี้ ธนาคารจะเริ่มทยอยเปลี่ยนบัตรเครดิตของธนาคารทั้งหมด
จากบัตรที่เป็นแถบแม่เหล็กเป็นบัตรติดชิพการ์ด คาดว่าภายใน 3 เดือนนับจากนี้ จะเปลี่ยนบัตรเครดิตให้ลูกค้าได้ทั้งหมด
หรืออย่างช้าไม่เกินวันที่ 1 ก.ค.นี้แน่นอน ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลผ่านบัตรเครดิต (เดลินิวส์, ไทยโพสต์,
โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของยูโรโซนในเดือน ธ.ค. ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจาก Brussels เมื่อวันที่
22 ก.พ. 49 สำนักงานสถิติยูโรโซนเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อใหม่ในสินค้าอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ
2.5 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 สูงกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ ชี้ว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของยูโรโซนเริ่ม
ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมดังกล่าวจะชะลอตัว
ส่วนผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์คาดว่า คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมจะลดลงร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบต่อเดือน และ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบต่อปี ทั้งนี้หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Global Insight เห็นว่าตัวเลขดังกล่าวสนับสนุนว่าในปี
49 ผลผลิตอุตสาหกรรมจะเป็นไปในทิศทางที่ดี สนับสนุนว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนฟื้นตัวแล้ว ทำให้คาดว่า ธ.กลางยุโรปจะปรับ
เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า(รอยเตอร์)
2. ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานของอังกฤษในเดือน ก.พ.49 ลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้จึงคาดว่าผลผลิตโรงงานในเดือน
ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น รายงานจากลอนดอน เมื่อ 22 ก.พ.49 สภาอุตสาหกรรมของอังกฤษรายงานดัชนีชี้วัดคำสั่งซื้อสินค้าโรงงาน
ในเดือน ก.พ.49 อยู่ที่ระดับ —18 เพิ่มขึ้นจากระดับ —28 ในเดือน ม.ค.49 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ
—25 และดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ —26 ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์จึงเห็นว่าการลดลงอย่างต่อเนื่องของผลผลิต
โรงงานเมื่อปีที่แล้วได้สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีชี้วัดความคาดหวังเกี่ยวกับผลผลิตในอนาคตที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +10 ใน
เดือน ก.พ.49 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.48 จากระดับ +1 ในเดือน ม.ค.49 ตัวเลขที่ดีขึ้นดังกล่าวลดความคาดหวังในตลาดที่
คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้เพื่อกระตุ้นภาคการผลิตลง (รอยเตอร์)
3. ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าในเดือน ม.ค.49 เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี รายงานจากโตเกียว เมื่อ 23 ก.พ.49 ญี่ปุ่น
ขาดดุลการค้าจำนวน 348.9 พันล้านเยนหรือประมาณ 2.95 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน ม.ค.49 นับเป็นการขาดดุลการค้า
เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากเกินดุลการค้าจำนวน 914.0 พันล้านเยนในเดือนก่อน โดยมีสาเหตุมาจากยอดส่งออกไปยัง
ภูมิภาคเอเชียซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นลดลงในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ยอดส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น
เพียงร้อยละ 5.1 ในขณะที่ยอดส่งออกไปยัง สรอ.และยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 และ 14.8 ตามลำดับ โดยหากเทียบต่อปีแล้ว
ยอดส่งออกของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 ในเดือน ม.ค.49 มีจำนวน 5.01 ล้านล้านเยน ในขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
27.0 มีจำนวน 5.36 ล้านล้านเยนอันเป็นผลจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทั้งนี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวถึงร้อยละ 5.5 ในไตรมาสสุดท้ายปี
48 จากการเพิ่มขึ้นของยอดส่งออกสุทธิหรือยอดส่งออกหักด้วยยอดนำเข้า นักเศรษฐศาสตร์จึงไม่แสดงความกังวลต่อยอดขาดดุลการค้า
ในเดือน ม.ค.49 แต่อย่างไร เนื่องจากคาดว่าจะเป็นการชั่วคราวเท่านั้น (รอยเตอร์)
4. มาเลเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.25 รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์
ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 ก.พ.49 ธ.กลางของมาเลเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ
3.25 นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน โดยให้เหตุผลว่ามีแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ แม้ว่าเศรษฐกิจ
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 48 จะขยายตัวร้อยละ 5.2 ลดลงเพียงเล็กน้อยจากร้อยละ 5.3 ในไตรมาส 3 ปี 48 และต่ำกว่าที่มีการ
คาดการณ์กันไว้ที่ระดับร้อยละ 5.8 อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ธ.กลางของมาเลเซียจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อีกครั้งในเดือน เม.ย. เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่ปัจจุบันขึ้นมาอยู่ในระดับร้อยละ 3.2 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี
ครึ่งที่ร้อยละ 3.7 ในเดือน ส.ค.48 และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.5 ในช่วงเวลาที่เหลือของ
ปีนี้ถ้าแรงกดดันจากเงินเฟ้อยังคงมีอยู่และ ธ.กลาง สรอ. ยังมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ด้าน ธ.กลางของมาเลเซียคาด
ว่าแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อจะยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง และอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับเดียวกับประเทศในแถบภูมิภาคนี้
ขณะที่นโยบายการเงินยังคงสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อมองต่อไปข้างหน้านโยบายการเงินจะตอบสนอง
ต่อการพัฒนาใหม่ ๆ ที่จะส่งผลดีในระยะปานกลางสำหรับความมีเสถียรภาพของราคาและการเติบโตของเศรษฐกิจแบบยั่งยืน ทั้งนี้
เศรษฐกิจของมาเลเซียในปี 48 ขยายตัวร้อยละ 5.3 สูงกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ 5 แต่ลดลงจากร้อยละ 7.1 ในปี
47(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23 ก.พ. 49 22 ก.พ. 49 31 ม.ค. 48 แหล่งข้อ
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.503 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.2923/39.5773 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.30969 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 728.60/ 12.16 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,250/10,350 10,250/10,350 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 56.24 57.29 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 22 ก.พ. 49 26.44*/24.69* 26.44*/24.69* 19.69/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ระบุตัวเลขดุลการค้าในเดือน ม.ค.49 เป็นสัญญาณที่ดี นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ ก.พาณิชย์ประกาศตัวเลขดุลการค้าเดือน ม.ค.49 ขาดดุลจำนวน
442 ล.ดอลลาร์ สรอ.ว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งขาดดุลการค้ารวมทั้งปี 8,500 ล.ดอลลาร์ สรอ.
หรือเฉลี่ยเดือนละ 700 ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ คาดว่าดุลการค้าในปีนี้จะยังขาดดุลต่อไป เพราะประเทศไทยยังต้อง
นำเข้าน้ำมันอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะปรับลดราคาลง ทำให้ต้องซื้อ
น้ำมันในราคาสูงต่อไป แม้ปริมาณนำเข้าจะเพิ่มขึ้นไม่มากก็ตาม ในส่วนของดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะขาดดุล
2,000-4,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. ตามที่ประมาณการไว้ ด้านปัญหาการเมืองคาดว่าอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
ของผู้บริโภคและนักลงทุน โดยความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนลดลงอย่างต่อเนื่องมา 24 เดือนแล้ว (เดลินิวส์)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ม.ค.49 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 103.4 นายสันติ วิลาสศักดานนท์
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย
(Thai Industries Sentiment Index : TISI) ในเดือน ม.ค.49 โดยสำรวจ 527 กลุ่มตัวอย่าง ครอบคลุม
35 กลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 103.4 จาก 100.4
ในเดือน ธ.ค.48 โดยดัชนีส่วนใหญ่มีค่าเกินกว่า 100 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการค่อนข้างมีความเชื่อมั่นในสภาวะ
อุตสาหกรรมโดยรวมในระดับที่ดี มีเพียงดัชนีความเชื่อมั่นด้านต้นทุนการประกอบการที่ปรับตัวลดลงจาก 68.5 มาอยู่ที่
63.3 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังเกรงว่าภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับภาวะต้นทุนการประกอบการที่สูงขึ้น
เนื่องจากราคาวัตถุดิบ น้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง สำหรับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ
ผู้ประกอบการ 44.2% คิดว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศไม่มีผลต่อธุรกิจ ขณะที่ 49% คิดว่าส่งผลให้กิจการแย่ลง
และ 6.8% คิดว่าส่งผลให้กิจการดีขึ้น โดยนักอุตสาหกรรมมีความเป็นห่วงว่าหากสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อเกินกว่า
3 เดือนจะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์)
3. การผลิตรถยนต์ในประเทศเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.28 เทียบต่อปี นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์
โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงจำนวนการผลิตและการส่งออก
รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ของประเทศในเดือน ม.ค.49 ว่า ในภาพรวมมียอดการผลิตรถยนต์ทุกประเภทจำนวน 86,197 คัน
เพิ่มขึ้น 12.28% โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 37,269 คัน เพิ่มขึ้น 42.50% ถือว่าอุตสาหกรรมรถยนต์
ยังมีทิศทางที่ดีในระยะยาว (เดลินิวส์, โลกวันนี้)
4. ธ.กรุงเทพเปลี่ยนบัตรเครดิตจากแถบแม่เหล็กเป็นชิพการ์ดเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูล นายเดชา ตุลานันท์
กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า ในเดือน มี.ค.นี้ ธนาคารจะเริ่มทยอยเปลี่ยนบัตรเครดิตของธนาคารทั้งหมด
จากบัตรที่เป็นแถบแม่เหล็กเป็นบัตรติดชิพการ์ด คาดว่าภายใน 3 เดือนนับจากนี้ จะเปลี่ยนบัตรเครดิตให้ลูกค้าได้ทั้งหมด
หรืออย่างช้าไม่เกินวันที่ 1 ก.ค.นี้แน่นอน ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลผ่านบัตรเครดิต (เดลินิวส์, ไทยโพสต์,
โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของยูโรโซนในเดือน ธ.ค. ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจาก Brussels เมื่อวันที่
22 ก.พ. 49 สำนักงานสถิติยูโรโซนเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อใหม่ในสินค้าอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ
2.5 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 สูงกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ ชี้ว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของยูโรโซนเริ่ม
ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมดังกล่าวจะชะลอตัว
ส่วนผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์คาดว่า คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมจะลดลงร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบต่อเดือน และ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบต่อปี ทั้งนี้หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Global Insight เห็นว่าตัวเลขดังกล่าวสนับสนุนว่าในปี
49 ผลผลิตอุตสาหกรรมจะเป็นไปในทิศทางที่ดี สนับสนุนว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนฟื้นตัวแล้ว ทำให้คาดว่า ธ.กลางยุโรปจะปรับ
เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า(รอยเตอร์)
2. ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานของอังกฤษในเดือน ก.พ.49 ลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้จึงคาดว่าผลผลิตโรงงานในเดือน
ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น รายงานจากลอนดอน เมื่อ 22 ก.พ.49 สภาอุตสาหกรรมของอังกฤษรายงานดัชนีชี้วัดคำสั่งซื้อสินค้าโรงงาน
ในเดือน ก.พ.49 อยู่ที่ระดับ —18 เพิ่มขึ้นจากระดับ —28 ในเดือน ม.ค.49 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ
—25 และดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ —26 ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์จึงเห็นว่าการลดลงอย่างต่อเนื่องของผลผลิต
โรงงานเมื่อปีที่แล้วได้สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีชี้วัดความคาดหวังเกี่ยวกับผลผลิตในอนาคตที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +10 ใน
เดือน ก.พ.49 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.48 จากระดับ +1 ในเดือน ม.ค.49 ตัวเลขที่ดีขึ้นดังกล่าวลดความคาดหวังในตลาดที่
คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้เพื่อกระตุ้นภาคการผลิตลง (รอยเตอร์)
3. ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าในเดือน ม.ค.49 เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี รายงานจากโตเกียว เมื่อ 23 ก.พ.49 ญี่ปุ่น
ขาดดุลการค้าจำนวน 348.9 พันล้านเยนหรือประมาณ 2.95 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน ม.ค.49 นับเป็นการขาดดุลการค้า
เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากเกินดุลการค้าจำนวน 914.0 พันล้านเยนในเดือนก่อน โดยมีสาเหตุมาจากยอดส่งออกไปยัง
ภูมิภาคเอเชียซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นลดลงในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ยอดส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น
เพียงร้อยละ 5.1 ในขณะที่ยอดส่งออกไปยัง สรอ.และยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 และ 14.8 ตามลำดับ โดยหากเทียบต่อปีแล้ว
ยอดส่งออกของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 ในเดือน ม.ค.49 มีจำนวน 5.01 ล้านล้านเยน ในขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
27.0 มีจำนวน 5.36 ล้านล้านเยนอันเป็นผลจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทั้งนี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวถึงร้อยละ 5.5 ในไตรมาสสุดท้ายปี
48 จากการเพิ่มขึ้นของยอดส่งออกสุทธิหรือยอดส่งออกหักด้วยยอดนำเข้า นักเศรษฐศาสตร์จึงไม่แสดงความกังวลต่อยอดขาดดุลการค้า
ในเดือน ม.ค.49 แต่อย่างไร เนื่องจากคาดว่าจะเป็นการชั่วคราวเท่านั้น (รอยเตอร์)
4. มาเลเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.25 รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์
ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 ก.พ.49 ธ.กลางของมาเลเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ
3.25 นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน โดยให้เหตุผลว่ามีแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ แม้ว่าเศรษฐกิจ
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 48 จะขยายตัวร้อยละ 5.2 ลดลงเพียงเล็กน้อยจากร้อยละ 5.3 ในไตรมาส 3 ปี 48 และต่ำกว่าที่มีการ
คาดการณ์กันไว้ที่ระดับร้อยละ 5.8 อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ธ.กลางของมาเลเซียจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อีกครั้งในเดือน เม.ย. เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่ปัจจุบันขึ้นมาอยู่ในระดับร้อยละ 3.2 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี
ครึ่งที่ร้อยละ 3.7 ในเดือน ส.ค.48 และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.5 ในช่วงเวลาที่เหลือของ
ปีนี้ถ้าแรงกดดันจากเงินเฟ้อยังคงมีอยู่และ ธ.กลาง สรอ. ยังมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ด้าน ธ.กลางของมาเลเซียคาด
ว่าแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อจะยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง และอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับเดียวกับประเทศในแถบภูมิภาคนี้
ขณะที่นโยบายการเงินยังคงสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อมองต่อไปข้างหน้านโยบายการเงินจะตอบสนอง
ต่อการพัฒนาใหม่ ๆ ที่จะส่งผลดีในระยะปานกลางสำหรับความมีเสถียรภาพของราคาและการเติบโตของเศรษฐกิจแบบยั่งยืน ทั้งนี้
เศรษฐกิจของมาเลเซียในปี 48 ขยายตัวร้อยละ 5.3 สูงกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ 5 แต่ลดลงจากร้อยละ 7.1 ในปี
47(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23 ก.พ. 49 22 ก.พ. 49 31 ม.ค. 48 แหล่งข้อ
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.503 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.2923/39.5773 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.30969 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 728.60/ 12.16 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,250/10,350 10,250/10,350 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 56.24 57.29 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 22 ก.พ. 49 26.44*/24.69* 26.44*/24.69* 19.69/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--