กรุงเทพ--30 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2549 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้เดินทางถึง กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการประสานงานระดับรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม
ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Ministerial Meeting of the Coordinating Bureau of the Non-Aligned Movement) และการประชุมสมัยพิเศษระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศ G 77 และจีน (The Special Ministerial Meeting of Group of 77 and China) ซึ่งกำหนดจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 พฤษภาคม 2549 ที่ศูนย์ประชุม นานาชาติปุตราจายา เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย
ในการนี้ ดร. กันตธีร์ฯ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับหัวหน้า ผู้แทนประเทศลิเบีย ไนจีเรีย และลาว ในช่วงบ่ายวันนี้ ดังนี้
1. ในการหารือทวิภาคีกับนาย Mohamed Omar Alburani รัฐมนตรีฝ่ายกิจการต่างประเทศด้านภูมิภาคเอเชียของประเทศลิเบีย ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ขยายความสัมพันธ์ด้านการค้า การลงทุนระหว่างประเทศทั้งสอง โดยไทยเห็นว่าประเทศลิเบียมีศักยภาพสูง เนื่องจากเพิ่งเปิดประเทศ ไทยมีความสนใจที่จะไปลงทุนในลิเบีย โดยเฉพาะธุรกิจด้านพลังงานและการท่องเที่ยว อาทิ การสร้างโรงแรม และโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะเดียวกัน ได้ชักชวนให้ลิเบียมาลงทุนในประเทศไทยด้วย โดยไทยมีความพร้อม ที่จะเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค
นอกจากนี้ ดร. กันตธีร์ฯ ได้สรุปสถานการณ์ภาคใต้ของไทยเพื่อให้ฝ่ายลิเบียทราบข้อเท็จจริงด้วย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการเปิดสถานเอกอัครราชทูตในแต่ละประเทศ ซึ่งนอกจากจะช่วย ขยายโอกาสด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศแล้ว ในส่วนของไทยยังจะเป็นการเอื้ออำนวยในการดูแลคนไทย ที่ไปทำงานอยู่ในลิเบีย ซึ่งปัจจุบันมี 4000 คน นอกจากนี้ ดร. กันตธีร์ฯ กล่าวว่าไทยพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการแก้ไขและป้องกันไข้หวัดนกกับลิเบียด้วย
2. สำหรับการหารือกับ นาย Al haji Abubaker Tanko รัฐมนตรีช่วยว่าการต่างประเทศ
ไนจีเรีย ดร. กันตธีร์ฯ ขอบคุณที่รัฐบาลไนจีเรียได้ให้ความช่วยเหลือกรณีชาวไทย 2 คน ที่ถูกจับเป็น
ตัวประกันเมื่อเร็วๆ นี้ ในขณะเดียวกัน ไนจีเรียก็ขอบคุณไทยที่โอนตัวนักโทษไนจีเรียให้ไปดำเนินคดี
ต่อที่ไนจีเรีย ในการนี้ ดร. กันตธีร์ฯ ได้เสนอให้มีกลไกในการแลกข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลไม่พึง
ปรารถนา ซึ่งฝ่ายไนจีเรียเห็นชอบในข้อเสนอดังกล่าว และพร้อมที่จะให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องของ
ทั้งสองฝ่ายประสานกันต่อไป
นอกจากนี้ โดยที่ไนจีเรียนำเข้าข้าวไทยเป็นจำนวนมาก ไนจีเรียได้แสดงความสนใจ
เกี่ยวกับวิธีการปลูกข้าวไทย และแสดงความประสงค์ที่จะศึกษาประสบการณ์ของไทย ในการนี้
ดร. กันตธีร์ฯ ได้ชักชวนไนจีเรียลองรับประทานข้าวเหนียวด้วย สำหรับประเด็นอื่นๆ นั้น ทั้งสองฝ่าย
ได้หารือเรื่องการพัฒนาพื้นที่บริเวณ Niger Delta ซึ่งมีความยากจนและขาดแคน โดย ดร. กันตธีร์ฯ
แสดงความพร้อมที่ไทยจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวในลักษณะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา
(partnership for development)
3. ในการหารือกับนายสมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ
ลาว ฝ่ายลาวได้ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้แสดงความเข้าใจถึงความละเอียดอ่อนของภาพยนตร์
“หมากเตะโลกตะลึง” ซึ่งได้มีการแก้ไขมิให้สถานการณ์บานปลาย ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร. กันตธีร์ฯ
กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญและเป็นนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศทั้งสอง โดยเฉพาะระดับประชาชนต่อประชาชน
4. สำหรับการเข้าร่วมประชุม NAM ครั้งนี้ ดร. กันตธีร์ฯ ได้กล่าวว่า ไทยอยากเห็น
NAM มีบทบาทเป็นประโยชน์สำหรับประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากยุคสงครามเย็น มาสู่ยุคโลกาภิวัตน์ อันนำไปสู่ประเด็นความมั่นคงต่างๆ ที่กว้างและ ใหม่ (non-traditional security issues) ซึ่งรวมถึงเรื่องของความมั่นคงมนุษย์ การต่อสู้กับยาเสพติด การต่อต้านการก่อการร้ายสากล โรคระบาด รวมทั้งภัยธรรมชาติ ดังนั้น ไทยอยากเห็น NAM มีบทบาท เข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม
ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับท่าทีของประเทศสมาชิก NAM ต่อปัญหานิวเคลียร์ อิหร่านนั้น ดร. กันตธีร์ฯ ได้กล่าวว่า จะต้องพิจารณาใน 2 ประเด็น ได้แก่ การที่ประเทศสมาชิก NPT (Non Proliferation Treaty) มีสิทธิที่จะใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ และประเด็นที่สอง คือ จะต้องมีความสมดุลย์ระหว่างการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ กับการป้องกันไม่ให้มีการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ เพิ่มมากขึ้น
สำหรับคำถามเกี่ยวกับปัญหาในปาเลสไตน์นั้น ดร. กันตธีร์ฯ เชื่อว่าประเทศสมาชิก NAM
มีความเป็นห่วง และไม่ประสงค์เห็นความขัดแย้งเกิดขึ้น โดยอยากที่จะเห็นปาเลสไตน์แก้ปัญหาภายในประเทศได้ และยึดมั่นในนโยบายที่จะนำภูมิภาคตะวันออกกลางสู่สันติภาพ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2549 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้เดินทางถึง กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการประสานงานระดับรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม
ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Ministerial Meeting of the Coordinating Bureau of the Non-Aligned Movement) และการประชุมสมัยพิเศษระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศ G 77 และจีน (The Special Ministerial Meeting of Group of 77 and China) ซึ่งกำหนดจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 พฤษภาคม 2549 ที่ศูนย์ประชุม นานาชาติปุตราจายา เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย
ในการนี้ ดร. กันตธีร์ฯ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับหัวหน้า ผู้แทนประเทศลิเบีย ไนจีเรีย และลาว ในช่วงบ่ายวันนี้ ดังนี้
1. ในการหารือทวิภาคีกับนาย Mohamed Omar Alburani รัฐมนตรีฝ่ายกิจการต่างประเทศด้านภูมิภาคเอเชียของประเทศลิเบีย ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ขยายความสัมพันธ์ด้านการค้า การลงทุนระหว่างประเทศทั้งสอง โดยไทยเห็นว่าประเทศลิเบียมีศักยภาพสูง เนื่องจากเพิ่งเปิดประเทศ ไทยมีความสนใจที่จะไปลงทุนในลิเบีย โดยเฉพาะธุรกิจด้านพลังงานและการท่องเที่ยว อาทิ การสร้างโรงแรม และโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะเดียวกัน ได้ชักชวนให้ลิเบียมาลงทุนในประเทศไทยด้วย โดยไทยมีความพร้อม ที่จะเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค
นอกจากนี้ ดร. กันตธีร์ฯ ได้สรุปสถานการณ์ภาคใต้ของไทยเพื่อให้ฝ่ายลิเบียทราบข้อเท็จจริงด้วย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการเปิดสถานเอกอัครราชทูตในแต่ละประเทศ ซึ่งนอกจากจะช่วย ขยายโอกาสด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศแล้ว ในส่วนของไทยยังจะเป็นการเอื้ออำนวยในการดูแลคนไทย ที่ไปทำงานอยู่ในลิเบีย ซึ่งปัจจุบันมี 4000 คน นอกจากนี้ ดร. กันตธีร์ฯ กล่าวว่าไทยพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการแก้ไขและป้องกันไข้หวัดนกกับลิเบียด้วย
2. สำหรับการหารือกับ นาย Al haji Abubaker Tanko รัฐมนตรีช่วยว่าการต่างประเทศ
ไนจีเรีย ดร. กันตธีร์ฯ ขอบคุณที่รัฐบาลไนจีเรียได้ให้ความช่วยเหลือกรณีชาวไทย 2 คน ที่ถูกจับเป็น
ตัวประกันเมื่อเร็วๆ นี้ ในขณะเดียวกัน ไนจีเรียก็ขอบคุณไทยที่โอนตัวนักโทษไนจีเรียให้ไปดำเนินคดี
ต่อที่ไนจีเรีย ในการนี้ ดร. กันตธีร์ฯ ได้เสนอให้มีกลไกในการแลกข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลไม่พึง
ปรารถนา ซึ่งฝ่ายไนจีเรียเห็นชอบในข้อเสนอดังกล่าว และพร้อมที่จะให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องของ
ทั้งสองฝ่ายประสานกันต่อไป
นอกจากนี้ โดยที่ไนจีเรียนำเข้าข้าวไทยเป็นจำนวนมาก ไนจีเรียได้แสดงความสนใจ
เกี่ยวกับวิธีการปลูกข้าวไทย และแสดงความประสงค์ที่จะศึกษาประสบการณ์ของไทย ในการนี้
ดร. กันตธีร์ฯ ได้ชักชวนไนจีเรียลองรับประทานข้าวเหนียวด้วย สำหรับประเด็นอื่นๆ นั้น ทั้งสองฝ่าย
ได้หารือเรื่องการพัฒนาพื้นที่บริเวณ Niger Delta ซึ่งมีความยากจนและขาดแคน โดย ดร. กันตธีร์ฯ
แสดงความพร้อมที่ไทยจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวในลักษณะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา
(partnership for development)
3. ในการหารือกับนายสมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ
ลาว ฝ่ายลาวได้ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้แสดงความเข้าใจถึงความละเอียดอ่อนของภาพยนตร์
“หมากเตะโลกตะลึง” ซึ่งได้มีการแก้ไขมิให้สถานการณ์บานปลาย ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร. กันตธีร์ฯ
กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญและเป็นนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศทั้งสอง โดยเฉพาะระดับประชาชนต่อประชาชน
4. สำหรับการเข้าร่วมประชุม NAM ครั้งนี้ ดร. กันตธีร์ฯ ได้กล่าวว่า ไทยอยากเห็น
NAM มีบทบาทเป็นประโยชน์สำหรับประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากยุคสงครามเย็น มาสู่ยุคโลกาภิวัตน์ อันนำไปสู่ประเด็นความมั่นคงต่างๆ ที่กว้างและ ใหม่ (non-traditional security issues) ซึ่งรวมถึงเรื่องของความมั่นคงมนุษย์ การต่อสู้กับยาเสพติด การต่อต้านการก่อการร้ายสากล โรคระบาด รวมทั้งภัยธรรมชาติ ดังนั้น ไทยอยากเห็น NAM มีบทบาท เข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม
ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับท่าทีของประเทศสมาชิก NAM ต่อปัญหานิวเคลียร์ อิหร่านนั้น ดร. กันตธีร์ฯ ได้กล่าวว่า จะต้องพิจารณาใน 2 ประเด็น ได้แก่ การที่ประเทศสมาชิก NPT (Non Proliferation Treaty) มีสิทธิที่จะใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ และประเด็นที่สอง คือ จะต้องมีความสมดุลย์ระหว่างการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ กับการป้องกันไม่ให้มีการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ เพิ่มมากขึ้น
สำหรับคำถามเกี่ยวกับปัญหาในปาเลสไตน์นั้น ดร. กันตธีร์ฯ เชื่อว่าประเทศสมาชิก NAM
มีความเป็นห่วง และไม่ประสงค์เห็นความขัดแย้งเกิดขึ้น โดยอยากที่จะเห็นปาเลสไตน์แก้ปัญหาภายในประเทศได้ และยึดมั่นในนโยบายที่จะนำภูมิภาคตะวันออกกลางสู่สันติภาพ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-