พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งแต่ระหว่างวันที่ 17 - 23 ก.พ. 2549

ข่าวทั่วไป Saturday February 18, 2006 07:42 —กรมอุตุนิยมวิทยา

          พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร  
วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 21/2549
คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 17-23 ก.พ. 2549
ในช่วงวันที่ 17-20 ก.พ. ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุม ประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงและอุณหภูมิจะลดลงโดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ในช่วงวันที่ 21-23 ก.พ. มวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้อากาศอุ่นขึ้นกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้นหลายพื้นที่ในตอนเช้า สำหรับภาคใต้จะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนล่างเคลื่อนเข้าสู่อ่าวไทย
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 17-18 ก.พ. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังลมกระโชกแรง ในช่วงวันที่ 19-21 ก.พ. ในอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง ส่วนในช่วงวันที่ 21-23 ก.พ. ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายจากการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย
เหนือ
มีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 17-18 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30%ของพื้นที่ อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคมีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 20-23 ก.พ.อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส
มีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 17-18 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30%ของพื้นที่ อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคมีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 20-23 ก.พ.อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส เนื่องจากระยะนี้มีหมอกในตอนเช้า ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนควรเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกด้วย ส่วนไม้ผลที่กำลังออกดอกและติดผลอ่อน เช่น ลิ้นจี่และลำไย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกไรชนิดต่างๆไว้ด้วย
ตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 17-18 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 % ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 20-23 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 17-18 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 % ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 20-23 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงที่มีฝนตกเกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้ง รวมทั้งควรเก็บกักน้ำไว้ใช้ด้วย อนึ่ง ผู้ที่ปลูกพืชผักและพืชไร่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดด้วย
กลาง
อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนอง เป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 %ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. # อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส และจะมีฝนฟ้าคะนอง เป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40%ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกในระยะนี้ไม่มากนัก เกษตรกรที่ปลูกองุ่นควรดูแลให้น้ำ ให้เพียงพอเพื่อป้องกันผลอ่อนแคระแกร็นและร่วงหล่น นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ยชนิดต่างๆ ด้วย
ตะวันออก
อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนอง เป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 %ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. # อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนอง เป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 %ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงที่มีฝนตก เกษตรกรควรเก็บกักน้ำสำรองเอาไว้และควรใช้น้ำอย่างประหยัด ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรจัดทำร่มเงาพรางแสงแดดจ้า
ใต้
ทางฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30%ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 19-23 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 20-23 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย 40 %ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทางฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30%ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 19-23 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 20-23 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย 40 %ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. สำหรับพื้นที่การเกษตรที่มีน้ำท่วมขังเกษตรกรควรรีบระบายน้ำออก เพื่อป้องกันการระบาดของโรครากเน่าและโคนเน่า ส่วนชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของหนอนกัดกินใบด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ