พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งแต่ระหว่างวันที่ 4 - 10 ม.ค. 2549

ข่าวทั่วไป Wednesday January 4, 2006 14:28 —กรมอุตุนิยมวิทยา

          พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร  
วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 2/2549
คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 4 - 10 ม.ค.49
ในช่วงวันที่ 4-5 ม.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือมีอากาศหนาวกับมีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า และอาจมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บางพื้นที่บริเวณยอดดอย ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ในช่วงวันที่ 6-10 ม.ค. ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีอุณหภูมิลดลง โดยจะมีอากาศหนาวเย็นลงอีกครั้งหนึ่งกับมีลมแรง และคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นด้วย โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 6-8 ม.ค. บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือจะมีอากาศหนาวในหลายพื้นที่ ขอให้รักษาสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยง ส่วนชาวเรือในอ่าวไทยบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาสขอให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงไว้ด้วย
เหนือ
ในช่วงวันที่ 4-6 ม.ค. มีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศา บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 1-4องศา และอาจมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 7-10 ม.ค. อุณหภูมิลดลง 2-4 องศา ทำให้มีอากาศหนาวส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ 10-30 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 4-6 ม.ค. มีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศา บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 1-4องศา และอาจมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 7-10 ม.ค. อุณหภูมิลดลง 2-4 องศา ทำให้มีอากาศหนาวส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ 10-30 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้จะมีหมอกในหลายพื้นที่ ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนควรระมัดระวังและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และในช่วงวันที่ 7-10 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง เกษตรกรควรดูแลสัตว์เลี้ยงให้ได้รับความอบอุ่นอย่างเพียงพอ ส่วนผู้ที่ปลูกสตรอเบอรี่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดด้วย
ตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 4-5 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศา บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 6-10 ม.ค. อุณหภูมิลดลง 2-5 องศา ทำให้มีอากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศา กับมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ 20-35 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 4-5 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศา บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 6-10 ม.ค. อุณหภูมิลดลง 2-5 องศา ทำให้มีอากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศา กับมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ 20-35 กม./ชม. ในช่วงที่อุณหภูมิลดลงเกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน หากต้องการปลูกพืชหลังเก็บเกี่ยวข้าว ควรเลือกพืชที่มีระยะการเพาะปลูกสั้นและใช้น้ำน้อย เช่น พืชตระกูลถั่วและพืชไร่
กลาง
ในช่วงวันที่ 4-6 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ทางตอนล่างของภาคบริเวณจังหวัดราชบุรีและกาญจนบุรี ลมตะวันออกเฉียงเหนือ 10-25 กม./ชม. ในช่วง วันที่ 7-10 ม.ค. อุณหภูมิลดลง 2-3 องศา ทำให้มีอากาศเย็นเกือบทั่วไป อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา กับมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ 15-30 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 4-6 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ทางตอนล่างของภาคบริเวณจังหวัดราชบุรีและกาญจนบุรี ลมตะวันออกเฉียงเหนือ 10-25 กม./ชม. ในช่วง วันที่ 7-10 ม.ค. อุณหภูมิลดลง 2-3 องศา ทำให้มีอากาศเย็นเกือบทั่วไป อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา กับมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ 15-30 กม./ชม. เกษตรกรที่ปลูกพืชผักควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ส่วนบริเวณที่มีฝนตกเกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้งในช่วงดังกล่าวด้วย
ตะวันออก
ในช่วงวันที่ 4-6 ม.ค.มีหมอกในตอนเช้า และอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากตามชายฝั่งบริเวณชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 7-10 ม.ค. อุณหภูมิลดลง 2-3 องศา กับมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 4-6 ม.ค.มีหมอกในตอนเช้า และอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากตามชายฝั่งบริเวณชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 7-10 ม.ค. อุณหภูมิลดลง 2-3 องศา กับมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก ชาวสวนควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด รวมทั้งควรระวังและป้องกันความเสียหายเนื่องจากลมแรง นอกจากนี้เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งในช่วงที่มีฝนตก
ใต้
ทางฝั่งตะวันออกอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมามีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ สำหรับตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 30-60 % ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-10 ม.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม/ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30% ของพื้นที่เกือบตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-10 ม.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทางฝั่งตะวันออกอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมามีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ สำหรับตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 30-60 % ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-10 ม.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม/ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30% ของพื้นที่เกือบตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-10 ม.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. สำหรับบริเวณที่มีฝนตกหนักโดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำขัง ส่วนผู้ที่ปลูกข้าวนาปีควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชจากเชื้อราด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 6-8 ม.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทย ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปจะมีกำลังแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ