แท็ก
ประธานสภา
สรุปการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
วันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๔๙ ในวันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เริ่มขึ้นเวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุม เมื่อครบองค์ประชุมประธานได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติดังนี้
ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม
สืบเนื่องมาจากการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๔๙ วันพุธที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ นั้น ได้เลื่อนการรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จำนวน ๓ เรื่อง ดังนี้
- รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๔๕ และประจำปี ๒๕๔๖ ของ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
- รับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน (กรณีความรุนแรง
อันเนื่องมาจากโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซียที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา) และข้อเสนอ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อรัฐบาล กรณีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากถ่านหิน
หินกรูด-บ่อนอก และโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ-มาเลเซีย
- รับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน
(กรณีนางสาวรัตนา สัจจเทพ ร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ให้รื้อ
ถอนบ้านพักอาศัย) (เรื่องตามระเบียบวาระหมายเลข ๑.๑ — ๑.๓ เป็นเรื่องที่เลื่อนมาจากการประชุม
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๔๙ วันพุธที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙)
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่มาชี้แจงประกอบด้วย
๑. นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๒. นายประดิษฐ์ เจริญไทยทวี กรรมการ
๓. นางสุนี ไชยรส กรรมการ
๔. นายประสาน พาณิชย์ กรรมการ
จากนั้น ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาเรื่องเหล่านี้ไม่ได้รับการสนองตอบในการดำเนินการ แต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไม่ได้นิ่งเฉย ได้พยายามจะทำเพื่อให้มีการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนมีผลจริง ซึ่งโครงการขนาดท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย กรรมการสิทธิฯ ได้มีการดำเนินการตรวจสอบทั้งจากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องและคนในพื้นที่ ส่วนโครงการหินกรูด-บ่อนอกนั้น มีปัญหาเรื่องสำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อมและ ชาวบ้านไม่ยินยอมให้สร้าง จึงถูกยกเลิกโครงการดังกล่าวในที่สุด
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิฯ ได้เสนอแนะ ให้มีการทบทวนโครงการท่อส่งก๊าซและ โรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย โดยเสนอให้มีมาตรการป้องกัน และการคุ้มครองความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในกระบวนการดำเนินการโครงการ รวมทั้งเร่งรัดให้รัฐบาลออกกฎหมายรองรับกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กระบวนการรับรองสิทธิฯ ของชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม และกฎหมายที่เกี่ยวกับองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมตามรัฐธรรมนูญ พร้อมกับเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างจริงจังทุกขั้นตอน เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
จากนั้น สมาชิกฯ ได้สอบถามถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนหลังจากที่มีการยึดอำนาจในวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ซึ่งประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชี้แจงว่า การยึดอำนาจคงไม่มีใครเห็นด้วย เพราะเป็นเรื่องเก่า แต่คณะกรรมการสิทธิฯ คงขัดขวางอะไรไม่ได้ แต่จะพยายามทำให้การส่งเสริมสิทธิเสรีภาพสัมฤทธิ์ผลมากที่สุด และที่ผ่านมามีแถลงการณ์เรียกร้องให้ ยกเลิกกฎอัยการศึก และมีการดำเนินการเรื่องการปฏิรูปการเมือง
จากนั้น ที่ประชุมฯ รับทราบรายงานทั้ง ๓ รายงาน และประธานฯ แจ้งต่อที่ประชุมฯ ว่า กรณีการชี้แจง ของคณะกรรมการสิทธิฯ จะนำเสนอรัฐบาลต่อไป
ระเบียบวารที่ ๒ รับรองรายงานการประชุม (ไม่มี)
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องด่วนตามลำดับดังนี้
๑. ร่างข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. ….
ซึ่งคณะกรรมาธิการสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเสร็จแล้ว
(เป็นการพิจารณาต่อจากการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๔๙ วันพุธที่ ๘ พฤศจิกายน
๒๕๔๙)
๒. ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๗ เรื่อง การห้ามชุมนุมทางการเมือง ลงวันที่
๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ พ.ศ. …. (คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ)
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาร่างข้อบังคับฯ ของคณะกรรมาธิการสามัญยกร่างข้อบังคับฯ โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ความเห็นชอบร่างข้อบังคับฯ มีผลบังคับใช้ได้ตั้งแต่ วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เป็นต้นไป
จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๗ เรื่อง การห้ามชุมนุมทางการเมือง ลงวันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
ที่ประชุมได้ลงมติในวาระที่ ๑ รับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติฯ และที่ประชุมได้พิจารณาในวาระที่ ๒ เริ่มต้นด้วยชื่อร่าง คำปรารภ แล้วพิจารณาเรียงตามลำดับมาตราจนจบร่าง จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติในวาระที่ ๓ ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๗ เรื่อง การห้ามชุมนุมทางการเมือง ลงวันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ และมีมติเห็นชอบด้วยกับข้อสังเกตของกรรมาธิการเต็มสภาเพื่อแจ้งไปยังคณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป
เรื่องขอเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ นายแวมาฮาดี แวดาโอะ และนายอรรคพล สรสุชาติ เป็นผู้เสนอ
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้เสนอชี้แจงเหตุผลว่า ที่เสนอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญทำหน้าที่ในการสอบสวนและศึกษาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อร่วมกันทำหน้าที่ในการติดตามสอบสวนศึกษาพิจารณาผลกระทบตลอดจนหาแนวทาง ที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ สมาชิกได้อภิปรายแสดงความเป็นห่วงในเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบและต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ถูกจุด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี และเห็นว่าการตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้ ขึ้นมาศึกษาปัญหาจะทำให้เกิดความเข้าใจและสามารถแก้ปัญหาภาคใต้ได้ เมื่อที่ประชุมได้อภิปรายพอสมควรแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๒๗ คน ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนและความคิดเห็นของประชาชนอีกจำนวน ๑๗ คน โดยกำหนดให้ คณะกรรมาธิการทั้งสองคณะมีเวลาการทำงาน ภายใน ๙๐ วัน
สำหรับคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ประกอบด้วย
๑. นายโคทม อารียา
๒. นายอิสมาแอ อาลี
๓. นายอิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา
๔. นายหะยีอับดุลรอซัค อาลี
๕. นายแวดีอราแม มะมิงจิ
๖. นายอับดุลเราะแม เจะแซ
๗. นายแวมาฮาดี แวดาโอะ
๘. นายโสภณ สุภาพงษ์
๙. พลเอก ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์
๑๐. นางเตือนใจ ดีเทศน์
๑๑. พลตำรวจโท อดุลย์ แสงสิงแก้ว
๑๒. พลโท วิโรจน์ บัวจรูญ
๑๓. นายวินัย สะมะอุน
๑๔. นายไพศาล พืชมงคล
๑๕. ร้อยตำรวจเอก นิติภูมิ นวรัตน์
๑๖. นายวรัขย์ ชวพงศ์
๑๗. นายภัทระ คำพิทักษ์
๑๘. นายสำราญ รอดเพชร
๑๙. นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ
๒๐. นายสนั่น สันติยา
๒๑. พันตำรวจเอก สุรินทร์ ปาราเร่
๒๒. นายวิมุคตาร์ วาบา
๒๓. นายต่วนอับดุลเลาะ ดาโอะมีรียอ
๒๔. นายอนันตชัย ไทยปาทาน
๒๕. นายนิรันดร์ พันทรกิจ
๒๖. นายอับดุลรอนิ ดาหะมะ
๒๗. นายอับดุลอาชิ เจ๊ะมาะ
คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนและความคิดเห็นของประชาชน จำนวน ๑๗ คน ประกอบด้วย
๑. นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์
๒. นายอรรคพล สรสุชาติ
๓. พลอากาศโท วัลลภ มีสมศัพย์
๔. ร้อยตำรวจเอก นิติภูมิ นวรัตน์
๕. นายประภัทร์ ศรลัมพ์
๖. นางบัญญัติ ทัศนียะเวช
๗. นางมุกดา อินต๊ะสาร
๘. นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา
๙. นายมนัส โกศล
๑๐. นายสมบัติ เมทะนี
๑๑. นายอภิชาติ จีระพันธุ์
๑๒. นายบุญยอด สุขถิ่นไทย
๑๓. นางอรุณี ศรีโต
๑๔. พันเอก ต่อพงษ์ กุลชิต
๑๕. นายสมพงษ์ จิตระดับ
๑๖. นายศุภชัย ศถีรศิลปิน
๑๗. นายเกื้อ แก้วเกตุ
ปิดประชุมเวลา ๑๗.๓๐ นาฬิกา
------------------------------------------------
วันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๔๙ ในวันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เริ่มขึ้นเวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุม เมื่อครบองค์ประชุมประธานได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติดังนี้
ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม
สืบเนื่องมาจากการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๔๙ วันพุธที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ นั้น ได้เลื่อนการรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จำนวน ๓ เรื่อง ดังนี้
- รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๔๕ และประจำปี ๒๕๔๖ ของ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
- รับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน (กรณีความรุนแรง
อันเนื่องมาจากโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซียที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา) และข้อเสนอ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อรัฐบาล กรณีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากถ่านหิน
หินกรูด-บ่อนอก และโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ-มาเลเซีย
- รับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน
(กรณีนางสาวรัตนา สัจจเทพ ร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ให้รื้อ
ถอนบ้านพักอาศัย) (เรื่องตามระเบียบวาระหมายเลข ๑.๑ — ๑.๓ เป็นเรื่องที่เลื่อนมาจากการประชุม
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๔๙ วันพุธที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙)
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่มาชี้แจงประกอบด้วย
๑. นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๒. นายประดิษฐ์ เจริญไทยทวี กรรมการ
๓. นางสุนี ไชยรส กรรมการ
๔. นายประสาน พาณิชย์ กรรมการ
จากนั้น ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาเรื่องเหล่านี้ไม่ได้รับการสนองตอบในการดำเนินการ แต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไม่ได้นิ่งเฉย ได้พยายามจะทำเพื่อให้มีการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนมีผลจริง ซึ่งโครงการขนาดท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย กรรมการสิทธิฯ ได้มีการดำเนินการตรวจสอบทั้งจากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องและคนในพื้นที่ ส่วนโครงการหินกรูด-บ่อนอกนั้น มีปัญหาเรื่องสำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อมและ ชาวบ้านไม่ยินยอมให้สร้าง จึงถูกยกเลิกโครงการดังกล่าวในที่สุด
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิฯ ได้เสนอแนะ ให้มีการทบทวนโครงการท่อส่งก๊าซและ โรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย โดยเสนอให้มีมาตรการป้องกัน และการคุ้มครองความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในกระบวนการดำเนินการโครงการ รวมทั้งเร่งรัดให้รัฐบาลออกกฎหมายรองรับกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กระบวนการรับรองสิทธิฯ ของชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม และกฎหมายที่เกี่ยวกับองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมตามรัฐธรรมนูญ พร้อมกับเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างจริงจังทุกขั้นตอน เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
จากนั้น สมาชิกฯ ได้สอบถามถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนหลังจากที่มีการยึดอำนาจในวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ซึ่งประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชี้แจงว่า การยึดอำนาจคงไม่มีใครเห็นด้วย เพราะเป็นเรื่องเก่า แต่คณะกรรมการสิทธิฯ คงขัดขวางอะไรไม่ได้ แต่จะพยายามทำให้การส่งเสริมสิทธิเสรีภาพสัมฤทธิ์ผลมากที่สุด และที่ผ่านมามีแถลงการณ์เรียกร้องให้ ยกเลิกกฎอัยการศึก และมีการดำเนินการเรื่องการปฏิรูปการเมือง
จากนั้น ที่ประชุมฯ รับทราบรายงานทั้ง ๓ รายงาน และประธานฯ แจ้งต่อที่ประชุมฯ ว่า กรณีการชี้แจง ของคณะกรรมการสิทธิฯ จะนำเสนอรัฐบาลต่อไป
ระเบียบวารที่ ๒ รับรองรายงานการประชุม (ไม่มี)
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องด่วนตามลำดับดังนี้
๑. ร่างข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. ….
ซึ่งคณะกรรมาธิการสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเสร็จแล้ว
(เป็นการพิจารณาต่อจากการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๔๙ วันพุธที่ ๘ พฤศจิกายน
๒๕๔๙)
๒. ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๗ เรื่อง การห้ามชุมนุมทางการเมือง ลงวันที่
๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ พ.ศ. …. (คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ)
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาร่างข้อบังคับฯ ของคณะกรรมาธิการสามัญยกร่างข้อบังคับฯ โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ความเห็นชอบร่างข้อบังคับฯ มีผลบังคับใช้ได้ตั้งแต่ วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เป็นต้นไป
จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๗ เรื่อง การห้ามชุมนุมทางการเมือง ลงวันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
ที่ประชุมได้ลงมติในวาระที่ ๑ รับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติฯ และที่ประชุมได้พิจารณาในวาระที่ ๒ เริ่มต้นด้วยชื่อร่าง คำปรารภ แล้วพิจารณาเรียงตามลำดับมาตราจนจบร่าง จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติในวาระที่ ๓ ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๗ เรื่อง การห้ามชุมนุมทางการเมือง ลงวันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ และมีมติเห็นชอบด้วยกับข้อสังเกตของกรรมาธิการเต็มสภาเพื่อแจ้งไปยังคณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป
เรื่องขอเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ นายแวมาฮาดี แวดาโอะ และนายอรรคพล สรสุชาติ เป็นผู้เสนอ
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้เสนอชี้แจงเหตุผลว่า ที่เสนอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญทำหน้าที่ในการสอบสวนและศึกษาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อร่วมกันทำหน้าที่ในการติดตามสอบสวนศึกษาพิจารณาผลกระทบตลอดจนหาแนวทาง ที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ สมาชิกได้อภิปรายแสดงความเป็นห่วงในเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบและต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ถูกจุด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี และเห็นว่าการตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้ ขึ้นมาศึกษาปัญหาจะทำให้เกิดความเข้าใจและสามารถแก้ปัญหาภาคใต้ได้ เมื่อที่ประชุมได้อภิปรายพอสมควรแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๒๗ คน ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนและความคิดเห็นของประชาชนอีกจำนวน ๑๗ คน โดยกำหนดให้ คณะกรรมาธิการทั้งสองคณะมีเวลาการทำงาน ภายใน ๙๐ วัน
สำหรับคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ประกอบด้วย
๑. นายโคทม อารียา
๒. นายอิสมาแอ อาลี
๓. นายอิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา
๔. นายหะยีอับดุลรอซัค อาลี
๕. นายแวดีอราแม มะมิงจิ
๖. นายอับดุลเราะแม เจะแซ
๗. นายแวมาฮาดี แวดาโอะ
๘. นายโสภณ สุภาพงษ์
๙. พลเอก ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์
๑๐. นางเตือนใจ ดีเทศน์
๑๑. พลตำรวจโท อดุลย์ แสงสิงแก้ว
๑๒. พลโท วิโรจน์ บัวจรูญ
๑๓. นายวินัย สะมะอุน
๑๔. นายไพศาล พืชมงคล
๑๕. ร้อยตำรวจเอก นิติภูมิ นวรัตน์
๑๖. นายวรัขย์ ชวพงศ์
๑๗. นายภัทระ คำพิทักษ์
๑๘. นายสำราญ รอดเพชร
๑๙. นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ
๒๐. นายสนั่น สันติยา
๒๑. พันตำรวจเอก สุรินทร์ ปาราเร่
๒๒. นายวิมุคตาร์ วาบา
๒๓. นายต่วนอับดุลเลาะ ดาโอะมีรียอ
๒๔. นายอนันตชัย ไทยปาทาน
๒๕. นายนิรันดร์ พันทรกิจ
๒๖. นายอับดุลรอนิ ดาหะมะ
๒๗. นายอับดุลอาชิ เจ๊ะมาะ
คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนและความคิดเห็นของประชาชน จำนวน ๑๗ คน ประกอบด้วย
๑. นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์
๒. นายอรรคพล สรสุชาติ
๓. พลอากาศโท วัลลภ มีสมศัพย์
๔. ร้อยตำรวจเอก นิติภูมิ นวรัตน์
๕. นายประภัทร์ ศรลัมพ์
๖. นางบัญญัติ ทัศนียะเวช
๗. นางมุกดา อินต๊ะสาร
๘. นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา
๙. นายมนัส โกศล
๑๐. นายสมบัติ เมทะนี
๑๑. นายอภิชาติ จีระพันธุ์
๑๒. นายบุญยอด สุขถิ่นไทย
๑๓. นางอรุณี ศรีโต
๑๔. พันเอก ต่อพงษ์ กุลชิต
๑๕. นายสมพงษ์ จิตระดับ
๑๖. นายศุภชัย ศถีรศิลปิน
๑๗. นายเกื้อ แก้วเกตุ
ปิดประชุมเวลา ๑๗.๓๐ นาฬิกา
------------------------------------------------