พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร
วันพุธที่ 1มีนาคม พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 26/2549
คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 1-7 มีนาคม 2549
ในช่วงวันที่ 1-3 มี.ค. ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณอ่าวไทยตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. ความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 1-3 มี.ค. ประชาชนที่อยู่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออกให้ระวังภัยเนื่องจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง สำหรับชาวเรือและชาวประมงบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้
เหนือ
มีหมอกและอากาศเย็นในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง # มีหมอกและอากาศเย็นในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ระยะนี้อากาศแปรปรวนมาก เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเอง และสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย นอกจากนี้ควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบทางผลเพราะหากขาดน้ำจะทำให้ได้รับผลผลิตต่ำ
ตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30%ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. และในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30%ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. และในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 1-3 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรผูกยึดและค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการหักโค่นและฉีกหักเมื่อมีลมพัดแรง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงขณะมีลมพัดแรง นอกจากนี้ควรระวังความเสียหายของผลผลิตการเกษตรที่ตากไว้กลางแจ้งด้วย
กลาง
มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30 % ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. # มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30 % ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งขณะมีฝนฟ้าคะนอง รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ นอกจากนี้บริเวณที่มีฝนตกน้อยควรให้น้ำแก่พืชอย่างพอเพียงเพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต
ตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 % ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากตามบริเวณเทือกเขาและชายฝั่ง อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. และในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ลมใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 % ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากตามบริเวณเทือกเขาและชายฝั่ง อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. และในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ลมใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตการเกษตรไว้กลางแจ้งเพราะจะเปียกชื้นเสียหาย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับ จำนวนสัตว์ เพราะหากสัตว์น้ำมีปริมาณมากเกินไปจะทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ใต้
ทางฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40%ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-20% ของพื้นที่ ทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30%ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทางฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40%ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-20% ของพื้นที่ ทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30%ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม พื้นที่การเกษตรที่มีฝนตกน้อย เกษตรกรควรให้น้ำอย่างพอเพียง และระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดโดยเฉพาะศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยในสับปะรด นอกจากนี้ควรคลุมบริเวณโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อสงวนความชื้นดิน อนึ่ง ในช่วงวันที่ 1-3 มี.ค.ชาวเรือและชาวประมงบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-