พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 29/2549 คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่วันที่ 8-14 มีนาคม 2549 ในระยะนี้ลมใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนและมีฝนฟ้าคะนองและ ลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. จะมีความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอุณหภูมิลดลง โดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. จะมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังภัยจากสภาวะดังกล่าว ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้ เหนือ อากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส เว้นแต่ในตอนเช้าอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ทางตอนล่างของภาค ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. อากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส เว้นแต่ในตอนเช้าอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ทางตอนล่างของภาค ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายเนื่องจากลมแรงโดยเฉพาะไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโตทางผล สำหรับปริมาณฝนที่ตกในระยะนี้มีไม่มาก ดังนั้นชาวสวนลำไยควรดูแลให้น้ำแก่พืช รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส เว้นแต่ในตอนเช้ามีอากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-60 % ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส เว้นแต่ในตอนเช้ามีอากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-60 % ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. เกษตรกรควรระวังหากจะตากผลผลิตการเกษตรไว้กลางแจ้งเพราะอาจจะเสียหายได้ นอกจากนี้ชาวสวนควรผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและ ลำต้นของไม้ผลที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรง เพื่อป้องกันความเสียหายเนื่องจากลมกระโชกแรง กลาง อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30%ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30%ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่ปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช ดังนั้นเกษตรกรจึงควรจัดหาน้ำให้แก่พืชอย่างเพียงพอ ส่วนผู้ที่ปลูกไม้ดอกควรระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ยชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ดอกแคระแกร็น ตะวันออก ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส และตามบริเวณเทือกเขาและชายฝั่ง มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง 10 %ของพื้นที่ ลมใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. มีฝนพายุฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-60%ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส และตามบริเวณเทือกเขาและชายฝั่ง มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง 10 %ของพื้นที่ ลมใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. มีฝนพายุฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-60%ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้จะมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ชาวสวนผลไม้ควรผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้นที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรงเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนชนิดต่างๆ ใต้ ทางฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10%ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ใวันที่ 14 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40% ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีเมฆบางส่วน ในวันที่ 14 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทางฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10%ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในวันที่ 14 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40% ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีเมฆบางส่วน ในวันที่ 14 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. สำหรับบริเวณที่มีฝนตกโดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้และควรวางแผน การใช้น้ำอย่างประหยัด ส่วนชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกิน ช่อดอกและผลอ่อน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74