บทสรุปภาวะการส่งออกของประเทศไทยเดือน ม.ค.-ธ.ค. 2548

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 31, 2006 15:36 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. เศรษฐกิจไทยในปี 2548 คาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 4.7 ในขณะที่ปี 2547 GDPไทยขยายตัวที่ประมาณร้อยละ 6.3 และปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 4.7-5.72. ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกสำคัญอันดับที่ 23 ของโลก ในปี 2547 มีสัดส่วนการส่งออกประมาณร้อยละ 1.13 ของการส่งออกรวมในตลาดโลก ปี 2546 (ไทยอยู่อันดับที่ 23 สัดส่วนร้อยละ 1.16)3. ประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าสำคัญอันดับที่ 23 ของโลก ของปี 2547 มีสัดส่วนการนำเข้าประมาณร้อยละ 1.66 ของการนำเข้าในตลาดโลก4. การค้าของไทยในเดือน ม.ค.-ธ.ค. 2548 มีมูลค่า 229,106.24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.22 แยกเป็นการส่งออกมูลค่า 110,883.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.87 การนำเข้ามีมูลค่า 118,223.03 ล้านเหรียญสหรัฐฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.72 ไทยเสียเปรียบดุลการค้า เป็นมูลค่า 7,339.82 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 5. กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกในปี 2548 ที่มูลค่า 115,837 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 การส่งออกเดือน ม.ค.-ธ.ค. 2548 มีมูลค่า 110,883.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.87 หรือคิดเป็นร้อยละ 95.72 ของเป้าหมายการส่งออก 6. สินค้าส่งออกสำคัญ 50 อันดับแรกซึ่งมีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 83.79 ของมูลค่าการส่งออกเดือน ม.ค.-ธ.ค. 2548 ในจำนวนนี้มีสินค้าซึ่งมีมูลค่าการส่งออกเปลี่ยนแปลงสูง ดังนี้ - ทองแดงและของทำด้วยทองแดง, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ,เม็ดพลาสติก และไก่แปรรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.68, 41.04, 35.38 และ 33.29 ตามลำดับ7. ตลาดส่งออกสำคัญ 50 อันดับแรก สัดส่วนรวมกันร้อยละ 95.76 ของมูลค่าการส่งออก เดือน ม.ค.-ธ.ค. 2548 ตลาดที่มีมูลค่าการส่งออกเปลี่ยนแปลงสูง มีดังนี้ - เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 มี 1 ตลาด ได้แก่ อาร์เจนตินา โดยมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 180.30 - เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 มี 5 ตลาด ได้แก่ อินเดีย ซาอุดิอาระเบีย ตุรกี นิวซีแลนด์ และสาธารณรัฐเช็ก โดยมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 67.66, 63.31,69.28,58.23 และ 70.84 ตามลำดับ 8. การนำเข้า 8.1 สินค้านำเข้ามีสัดส่วนโครงสร้างดังนี้ - สินค้าเชื้อเพลิง สัดส่วนร้อยละ 17.70 เพิ่มขึ้นร้อยละ 59.09 - สินค้าทุน สัดส่วนร้อยละ 28.60 เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.22 - สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สัดส่วนร้อยละ 42.35 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.92 - สินค้าบริโภค สัดส่วนร้อยละ 6.68 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.54 - สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง สัดส่วนร้อยละ 3.45 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.51 - สินค้าอื่นๆ สัดส่วนร้อยละ 1.23 เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.88 8.2 แหล่งนำเข้าสำคัญ 10 อันดับแรก มีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 68.32 ของมูลค่าการนำเข้าเดือน ธ.ค. 2548 ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ซาอุดีอาระเบีย เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย สัดส่วนร้อยละ 22.05, 9.44, 7.35, 6.85, 4.82, 4.55, 3.81, 3.42, 3.28 และ 2.75 โดยมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 16.92, 37.03, 20.50, 46.54, 54.34, 29.94 13.61, 74.81, 8.37 และ 48.03 ตามลำดับ 9. ข้อคิดเห็น 9.1 สำนักข่าวเอเอฟพีได้รายงานเมื่อวันอังคาร 24 ม.ค. 2549 เกี่ยวกับการที่สหประชาชาติ (UN) ได้ทำนายสถานการณ์และทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2549 จะเติบโตในระดับ 3.3% ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2548 ที่ขยายตัวประมาณ 3.2% และนอกจากนี้จากการประชุมของสำนักงานเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติและคณะกรรมการระดับภูมิภาค 5 คณะให้ความเห็นว่าปัญหาซึ่งกำลังคุกคามการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกได้แก่ ราคาน้ำมัน อาจจะสูงขึ้นอีก ไข้หวัดนก อาจจะกลายเป็นโรคระบาคร้ายแรง ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเศรษฐกิจสำคัญๆ อาจตกต่ำรวมทั้งความอ่อนแอเชิงระบบจากความไม่สมดุลทางการเงินทั่วโลก ซึ่งสังเกตได้จากยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯ พุ่งถึง 800,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่น ชาติเกิดใหม่ในเอเซียและประเทศส่งออกน้ำมันรายสำคัญมีเงินออมส่วนเกิน รายละ 100,000-200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 9.2 เมื่อพิจารณาการส่งออกสินค้าไทยไปยังภูมิภาคเป้าหมายทั้ง 6 ภูมิภาค (Hub) พบว่าทั้ง 6 Hub มีสัดส่วนการส่งออกรวมกันถึง 85.4 ของมูลค่าการส่งออกรวม มูลค่า 94,695 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.4 ในปี 2548 Hub ที่มีสัดส่วนการส่งออกสูง คือ อาเซียน 9 รองลงไปคือ เอเซียตะวันออก อเมริกาเหนือ ยุโรป จีนและฮ่องกง สุดท้ายคือ อินเดีย แต่ Hub ที่มีอัตราการขยายตัวสูงคือ อินเดีย ร้อยละ 60.0 อันดับหนึ่ง รองลงไปคือ จีนและฮ่องกง อาเซียน 9 เอเซียตะวันออก อเมริกาเหนือ และยุโรป ขยายตัวร้อยละ 27.3,13.6,12.0,9.3 และ 4.7 ตามลำดับ ส่วนอีก 4 กลุ่มประเทศประกอบด้วย ทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกา มีสัดส่วนรวมกัน 14.7 ในกลุ่มนี้ตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูงคือ ตลาดลาตินอเมริกา ซึ่งขยายตัว 37.7 รองลงไปคือ ทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งขยายตัวร้อยละ 33.6,25.7 และ 14.7 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามตลาดที่มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราสูง คือ ตลาดใหม่ได้แก่ อินเดีย จีนและฮ่องกง อินโดจีน ยุโรปตะวันออก เกาหลีใต้ ลาตินอเมริกา ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา 9.3 การแข่งขันในตลาดโลกกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งสามารถสังเกตได้จากตลาดสหรัฐซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับหนึ่งของไทยแต่เมื่อพิจารณาถึงสถิติการนำเข้าจากไทยในสหรัฐอเมริกาพบว่าไทยอยู่อันดับที่ 16 สัดส่วนร้อยละ 1.27 ในปี 2545 ต่อมาในปี 2547 ไทยยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ 16 เช่นเดิมแต่สัดส่วนในตลาดนำเข้าลดลงเป็น 1.20 ในปี 2547 และปี 2548 ช่วง ม.ค.-พ.ย. 2548 ไทยตกมาอยู่ในตำแหน่งที่ 17 สัดส่วนตลาดนำเข้าลดลงเป็นร้อยละ 1.19 ทั้งนี้ซาอุดิอาระเบียไต่อันดับจาก 17 ในปี 2545 มาเป็นอันดับที่ 14 ในปี 2548 จากส่วนแบ่งตลาด 1.13 ในปี 2545 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.63 ในปี 2548 สำหรับประเทศจีน ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญในหลายกลุ่มสินค้า อาทิ สิ่งทอ โดยจีนสามารถขยายสัดส่วนการครองตลาดนำเข้าในสหรัฐจากร้อยละ 10.78 ในปี 2545 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 14.60 ในปี 2548 สหภาพยุโรป : เป็นตลาดส่งออกหลักที่สำคัญของไทยแต่การนำเข้าจากไทยในตลาดนี้กลับมีสัดส่วนลดลงโดยในปี 2545 ไทยมีสัดส่วนการครองตลาดนำเข้าร้อยละ 1.13 อันดับที่ 22 ต่อมาในปี 2547 สหภาพยุโรปนำเข้าจากไทยอันดับที่ 24 สัดส่วนของไทยลดลงเป็นร้อยละ 1.12 และในปี 2548 ในช่วง ม.ค.-ต.ค. อันดับของไทยตกลงไปอยู่อันดับที่ 25 ด้วยสัดส่วนร้อยละ 0.99 ในขณะที่จีนซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญมีตำแหน่งอยู่อันดับ 2 สามารถขยายสัดส่วนจากร้อยละ 8.29 ในปี 2545 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10.82 ในปี 2547 และปี 2548 ในช่วง ม.ค.-ต.ค. จีนมีสัดส่วนในตลาดสหภาพยุโรปร้อยละ 11.84 อย่างไรก็ตามแม้สัดส่วนและตำแหน่งของไทยในตลาดนำเข้าสำคัญโดยฉพาะสหรัฐและสหภาพยุโรปจะลดลงแต่ไทยยังสามารถขยายสัดส่วนตลาดได้เพิ่มขึ้นในตลาดอื่นๆ เช่น ในประเทศออสเตรเลีย ไทยมีสัดส่วนตลาดนำเข้าร้อยละ 2.46 ในปี 2545 อันดับที่ 14 ต่อมาในปี 2547 ไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.67 ไต่อันดับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 12 และในปี 2548 ในช่วง ม.ค.-พ.ย. ไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.09 ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 10 อินเดีย : ไทยมีสัดส่วนตลาดนำเข้าร้อยละ 0.64 ในปี 2545 อันดับที่ 26 ต่อมาในปี 2547 ไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.77 ไต่อันดับเป็นที่ 24 และในช่วง ม.ค.-ก.ค. 2548 ไทยมีสัดส่วนในตลาดนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.81 ไต่ขึ้นเป็นอันดับที่ 23 นอกจากนี้ยังมีตลาดอื่นที่ไทยสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มขึ้นเช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรียและบราซิล เป็นต้น 9.4 การลงทุนในต่างประเทศของไทยยังมีค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับต่างประเทศซึ่งปัจจุบันนักลงทุนต่างๆ ในโลกต่างแสวงหาแหล่งลงทุนที่มีต้นทุนต่ำเพื่อสร้างขีดความสามารถในเชิงแข่งขันและผลกำไรให้ธุรกิจของตนเองมากขึ้น จากผลการสำรวจของไพรวอเตอร์คูเปอร์ส (PWC) บริษัทจัดทำบัญชีชื่อดังของสหรัฐ โดยเฉพาะหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) จำนวน 1,400 คนพบว่าประมาณ 71% ทั่วโลกมีแผนจะขยายธุรกิจในประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดีย หรือจีน มากขึ้น โดยจีนได้รับความนิยมมากที่สุดด้วยคะแนน 55% อินเดีย 36% บราซิล 33% และรัสเซีย 27% ผลการสำรวจครั้งนี้เป็นครั้งที่ 9 ได้ระบุว่าผู้นำธุรกิจของโลกได้ให้ความสำคัญต่อกระแสโลกาภิวัฒน์มากขึ้นเพราะจะเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจเจริญเติบโตยิ่งขึ้นรวมทั้งเห็นว่าจีนและอินเดียมิได้เป็นแหล่งลงทุนและบริการที่มีต้นทุนต่ำเพียงอย่างเดียวแต่เป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูงและจะเป็นประเทศเฟื่องจักรสำคัญผลักดันเศรษฐกิจโลกให้เติบโตยิ่งขึ้น ที่มา: http://www.depthai.go.th

แท็ก การส่งออก   GDP  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ