ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ยอมรับผลกระทบจากมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นของ ธปท.ต่อตลาดหุ้นมีมากกว่าที่คาดไว้ ผู้ช่วยผู้ว่าการ
สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายหลังการชี้แจงมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นของ ธปท. ให้กับตัวแทน
บริษัทหลักทรัพย์และนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า ธปท.จะเร่งหามาตรการเพื่อช่วยผ่อนคลายผลกระทบจากมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นของ
ธปท.ที่ออกไปต่อตลาดหุ้น โดย ธปท.อาจจะพิจารณาขยายวงเงินในบัญชีเงินบาทของผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (นอนเรสิเดนท์) จากปัจจุบันที่กำหนด
ไว้วันละไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อรายให้เพิ่มขึ้น หรืออาจจะหาที่พักเงินให้กับนักลงทุนต่างชาติเพิ่มเติมจากปัจจุบัน รวมทั้งหามาตรการลดอุปสรรค
ปัญหาในการดำเนินการของบริษัทหลักทรัพย์ด้วย แต่ ธปท.จะไม่ยกเลิกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นที่ออกไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นลดลงอย่างหนักถึง 108.41 มาร์เก็ตแคปลดลง
810,000 ล้านบาท โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทของ ธปท. ถือว่าเป็นไปตามที่คาด เพราะหากต้องการให้
สกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทได้ผล ก็ต้องมีผลข้างเคียง อย่างไรก็ตาม จะมีการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทุกตลาดก่อนจะมีมาตรการใด ๆ
มาดูแล นอกจากนี้ รอง นรม.ได้เรียกตัวแทนจาก ธปท. สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย (ตลท.) และนายธนาคารหารือที่ ก.คลัง และตกลงให้มีการแก้ไข โดยให้เงินทุนไหลเข้าที่เป็นเงินลงทุนโดยตรง และเข้า
ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ต้องหักการสำรองไว้ร้อยละ 30 ส่วนเงินทุนไหลเข้าเพื่อเก็งกำไร โดยเฉพาะที่ลงทุนในตราสารหนี้ ยังให้มาตรการ
ดังกล่าวเหมือนเดิม ซึ่งจากการแก้ไขมาตรการดังกล่าวมั่นใจว่านักลงทุนต่างชาติจะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยตามปกติ ส่วนนักลงทุนไทยให้มอง
พื้นฐานตลาดเป็นหลัก (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, บ้านเมือง, มติชน, สยามรัฐ, แนวหน้า,
ข่าวสด)
2. ก.พาณิชย์คงเป้าหมายการส่งออกปี 50 ขยายตัวร้อยละ 1.5 รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ก.พาณิชย์จะยังคงเป้าหมายการส่งออก
ปี 50 ว่าจะมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 12.5 มูลค่า 145,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. เช่นเดิม เพราะไม่จำเป็นต้องปรับ แม้ว่าค่าเงินบาทจะ
แข็งค่าขึ้น และไม่ควรตื่นตระหนกรัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทให้เข้าสู่จุดสมดุลอยู่ ขณะที่หอการค้าไทยพอใจกับมาตรการสกัดการเก็งกำไร
ค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมา เพราะเป็นมาตรการที่ได้ผล โดยขณะนี้ค่าเงินบาทได้อ่อนค่าลงไป 40-50 สตางค์แล้ว
(ผู้จัดการรายวัน)
3. สบน.เผยค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลดีต่อหนี้สาธารณะลดลง ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า จากการที่
ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งมาอยู่ที่ระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ส่งผลดีต่อการบริหารหนี้สาธารณะ โดยเฉพาะหนี้
ที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศที่ยอดหนี้ลดลงกว่า 28,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีที่ สบน.จะดำเนินการปิดความเสี่ยงเงินกู้ต่างประเทศ
โดยทาง สบน.ได้เริ่มแปลงหนี้สกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยให้รัฐบาล
ประหยัด งปม.รายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับการชำระหนี้สกุลเงินต่างประเทศ รวมทั้งช่วยให้ประหยัดเงินต้นและดอกเบี้ยได้ด้วย ทั้งนี้ สบน.ตั้งเป้าหมาย
ที่จะลดความเสี่ยงด้วยการแปลงหนี้เป็นสกุลเงินบาทลงมาอยู่ที่ร้อยละ 7-8 ของพอร์ตหนี้ทั้งหมด (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ)
4. ก.คลังอนุมัติให้ต่างชาติออกพันธบัตรสกุลเงินบาทอีก 2.25 หมื่นล้านบาท ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้ลงนามอนุมัติให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศ สถาบันการเงินของรัฐบาล
ต่างประเทศ และนิติบุคคลต่างประเทศจำนวน 5 ราย ออกพันธบัตรสกุลเงินบาทในประเทศไทย วงเงินรวมกันไม่เกิน 2.25 หมื่นล้านบาท ซึ่ง
จะต้องออกพันธบัตรดังกล่าวภายในวันที่ 30 มิ.ย.50 โดยพันธบัตรที่ออกมีอายุไม่ต่ำกว่า 3 ปี (โพสต์ทูเดย์, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้ผลิตและจำนวนบ้านที่เริ่มก่อสร้างใน สรอ. เพิ่มสูงขึ้นในเดือน พ.ย.49 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 19 ธ.ค.49
กรมแรงงานของ สรอ.รายงานดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบกว่า 3 ทศวรรษนับ
ตั้งแต่เดือน พ.ย.17 ในขณะเดียวกันดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่
เดือน ก.ค.23 ผลจากราคารถยนต์โดยสารเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 2.2 และราคารถบรรทุกขนาดเล็กสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ร้อยละ 13.7 หลังจาก
ราคาลดลงในเดือน ต.ค.49 ทั้งนี้เป็นผลจากการออกรถยนต์รุ่นใหม่และการโปรโมชั่นลดราคารถยนต์ในบางเดือนทำให้ราคารถยนต์ในแต่ละเดือน
แตกต่างกัน อย่างไรก็ดี หากไม่รวมราคารถยนต์แล้ว ดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานในเดือน พ.ย.49 จะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 เท่ากับค่าเฉลี่ยในช่วง
2 เดือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนเดียวกันที่ยังอยู่ในระดับคงที่ ในขณะที่จำนวนบ้านที่เริ่มก่อสร้างในเดือน พ.ย.49 มีจำนวน
1.588 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 จากเดือน ต.ค.49 ซึ่งมีจำนวน 1.488 ล้านหน่วย แต่หากเทียบกับเดือน พ.ย.48 ซึ่งมีจำนวน
2.131 ล้านหน่วยแล้ว จำนวนบ้านที่เริ่มก่อสร้างลดลงร้อยละ 25.5 ต่อปี นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ธ.กลาง สรอ.ซึ่งให้ความสำคัญกับภาวะ
เงินเฟ้อมากกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบันต่อไป หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตัดสินใจคง
อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 5.25 ต่อปีเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน (รอยเตอร์)
2. คาดว่าธ.กลางจีนจะปรับเพิ่มทั้งอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเงินฝากและเงินกู้ยืมระยะ 1 ปีของธพ.อีกครั้งในไตรมาสที่ 2 ปี 50
รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 49 ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ 26 คนโดยรอยเตอร์ ในปักกิ่ง เชียงไฮ้ แฟร้งค์เฟริส ปารีส ลอนดอน
และวอชิงตัน ต่างเห็นพ้องกันว่า ธ.กลางจีนจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในราวกลางปี 50 เพื่อลดความร้อนแรงของการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจจีน และเพื่อให้การแข็งค่าของเงินหยวนเมื่อเทียบต่อดอลลาร์ สรอ.เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาสที่ 2 ธ.กลางจีนจะ
ปรับเพิ่มทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมอ้างอิงระยะ 1 ปีของธพ. อีกร้อยละ 0.27 อยู่ที่ระดับ 2.79 และ 6.39 ตามลำดับ
รวมทั้งคาดว่า จะปรับเพิ่มอัตราส่วนทุนสำรองที่ ธพ.อีกร้อยละ 0.50 ในไตรมาสแรกปี 50 เพื่อควบคุมการลงทุน และจัดการกับสภาพคล่อง
ส่วนเกิน ขณะที่เงินหยวนคาดว่าจะแข็งค่าถึงระดับ 7.63 หยวนต่อดอลลาร์ สรอ. ในอีก 3 เดือนจากระดับ 7.82 ในปัจจุบัน และทั้งปีจะแข็งค่า
เกือบร้อยละ 5 อยู่ที่ระดับ 7.44 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
3. จีนจัดเก็บรายได้ช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.7 รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.49
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนอ้างคำพูดของ Jin Renqing รมว.คลัง ที่กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ของจีนในปีนี้จะพุ่งขึ้นเป็นสถิติสูงสุดที่ประมาณ
3.9 ล้านล้านหยวน (500 พันล้านดอลลาร์ สรอ.) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ทำให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐ
เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่มีการจัดเก็บได้สูงสุด 2 ล้านล้านหยวน ในปี 46 โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ตัวเลขการจัดเก็บ
รายได้พุ่งขึ้นถึงระดับ 3.61 ล้านล้านหยวน (461.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.7 จากปีก่อน โดยรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ
22.3 ในช่วง 6 เดือนแรก และเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 ในช่วง 9 เดือนแรก ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของการจัดเก็บรายได้ของจีนไม่เพียงแค่มั่นคงเท่านั้น
แต่มีสมดุลด้วย ส่วนการดำเนินนโยบายด้านงบประมาณในปีหน้าจะยังคงเป็นไปอย่างรอบคอบและมั่นคง เพื่อที่จะปรับลดการขาดดุลงบประมาณของ
รัฐบาลลงอย่างเหมาะสม ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ารัฐบาลกลางจะดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุลในปีนี้ประมาณร้อยละ 1.5 ของจีดีพี (รอยเตอร์)
4. ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในเยอรมนีในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการรวมประเทศ รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 19 ธ.ค.49 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำ Ifo รายงานดัชนีชี้วัดบรรยากาศทางธุรกิจจากผลสำรวจธุรกิจประมาณ 7,000 แห่ง
เพิ่มขึ้นจากระดับ 106.8 ในเดือน พ.ย.49 มาอยู่ที่ระดับ 108.7 ในเดือน ธ.ค.49 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการสำรวจข้อมูลหลังรวม
ประเทศครั้งแรกในปี 34 และสูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 106.8 แสดงให้เห็นว่าธุรกิจส่วนใหญ่เชื่อว่าการขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้
บริโภคอีกร้อยละ 3.0 เป็นร้อยละ 19.0 นับตั้งแต่ต้นปี 50 จะไม่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 50 นักวิเคราะห์บางคนคาด
ว่ารายงานของ Ifo ดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันให้ ธ.กลางยุโรปหรือ ECB ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ
3.50 ต่อปี สูงสุดในรอบ 5 ปีเมื่อต้นเดือน ธ.ค.49 ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 20 ธ.ค. 49 19 ธ.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่ง
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.815 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.5446/35.9007 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12375 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 622.14/72.13 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,500/10,600 10,400/10,500 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.54 58.12 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเมื่อ 2 ธ.ค. 49 ** ปรับเมื่อ 16 ธ.ค. 49 26.09*/23.34** 26.09*/23.34** 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ยอมรับผลกระทบจากมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นของ ธปท.ต่อตลาดหุ้นมีมากกว่าที่คาดไว้ ผู้ช่วยผู้ว่าการ
สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายหลังการชี้แจงมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นของ ธปท. ให้กับตัวแทน
บริษัทหลักทรัพย์และนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า ธปท.จะเร่งหามาตรการเพื่อช่วยผ่อนคลายผลกระทบจากมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นของ
ธปท.ที่ออกไปต่อตลาดหุ้น โดย ธปท.อาจจะพิจารณาขยายวงเงินในบัญชีเงินบาทของผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (นอนเรสิเดนท์) จากปัจจุบันที่กำหนด
ไว้วันละไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อรายให้เพิ่มขึ้น หรืออาจจะหาที่พักเงินให้กับนักลงทุนต่างชาติเพิ่มเติมจากปัจจุบัน รวมทั้งหามาตรการลดอุปสรรค
ปัญหาในการดำเนินการของบริษัทหลักทรัพย์ด้วย แต่ ธปท.จะไม่ยกเลิกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นที่ออกไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นลดลงอย่างหนักถึง 108.41 มาร์เก็ตแคปลดลง
810,000 ล้านบาท โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทของ ธปท. ถือว่าเป็นไปตามที่คาด เพราะหากต้องการให้
สกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทได้ผล ก็ต้องมีผลข้างเคียง อย่างไรก็ตาม จะมีการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทุกตลาดก่อนจะมีมาตรการใด ๆ
มาดูแล นอกจากนี้ รอง นรม.ได้เรียกตัวแทนจาก ธปท. สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย (ตลท.) และนายธนาคารหารือที่ ก.คลัง และตกลงให้มีการแก้ไข โดยให้เงินทุนไหลเข้าที่เป็นเงินลงทุนโดยตรง และเข้า
ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ต้องหักการสำรองไว้ร้อยละ 30 ส่วนเงินทุนไหลเข้าเพื่อเก็งกำไร โดยเฉพาะที่ลงทุนในตราสารหนี้ ยังให้มาตรการ
ดังกล่าวเหมือนเดิม ซึ่งจากการแก้ไขมาตรการดังกล่าวมั่นใจว่านักลงทุนต่างชาติจะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยตามปกติ ส่วนนักลงทุนไทยให้มอง
พื้นฐานตลาดเป็นหลัก (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, บ้านเมือง, มติชน, สยามรัฐ, แนวหน้า,
ข่าวสด)
2. ก.พาณิชย์คงเป้าหมายการส่งออกปี 50 ขยายตัวร้อยละ 1.5 รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ก.พาณิชย์จะยังคงเป้าหมายการส่งออก
ปี 50 ว่าจะมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 12.5 มูลค่า 145,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. เช่นเดิม เพราะไม่จำเป็นต้องปรับ แม้ว่าค่าเงินบาทจะ
แข็งค่าขึ้น และไม่ควรตื่นตระหนกรัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทให้เข้าสู่จุดสมดุลอยู่ ขณะที่หอการค้าไทยพอใจกับมาตรการสกัดการเก็งกำไร
ค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมา เพราะเป็นมาตรการที่ได้ผล โดยขณะนี้ค่าเงินบาทได้อ่อนค่าลงไป 40-50 สตางค์แล้ว
(ผู้จัดการรายวัน)
3. สบน.เผยค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลดีต่อหนี้สาธารณะลดลง ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า จากการที่
ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งมาอยู่ที่ระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ส่งผลดีต่อการบริหารหนี้สาธารณะ โดยเฉพาะหนี้
ที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศที่ยอดหนี้ลดลงกว่า 28,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีที่ สบน.จะดำเนินการปิดความเสี่ยงเงินกู้ต่างประเทศ
โดยทาง สบน.ได้เริ่มแปลงหนี้สกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยให้รัฐบาล
ประหยัด งปม.รายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับการชำระหนี้สกุลเงินต่างประเทศ รวมทั้งช่วยให้ประหยัดเงินต้นและดอกเบี้ยได้ด้วย ทั้งนี้ สบน.ตั้งเป้าหมาย
ที่จะลดความเสี่ยงด้วยการแปลงหนี้เป็นสกุลเงินบาทลงมาอยู่ที่ร้อยละ 7-8 ของพอร์ตหนี้ทั้งหมด (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ)
4. ก.คลังอนุมัติให้ต่างชาติออกพันธบัตรสกุลเงินบาทอีก 2.25 หมื่นล้านบาท ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้ลงนามอนุมัติให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศ สถาบันการเงินของรัฐบาล
ต่างประเทศ และนิติบุคคลต่างประเทศจำนวน 5 ราย ออกพันธบัตรสกุลเงินบาทในประเทศไทย วงเงินรวมกันไม่เกิน 2.25 หมื่นล้านบาท ซึ่ง
จะต้องออกพันธบัตรดังกล่าวภายในวันที่ 30 มิ.ย.50 โดยพันธบัตรที่ออกมีอายุไม่ต่ำกว่า 3 ปี (โพสต์ทูเดย์, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้ผลิตและจำนวนบ้านที่เริ่มก่อสร้างใน สรอ. เพิ่มสูงขึ้นในเดือน พ.ย.49 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 19 ธ.ค.49
กรมแรงงานของ สรอ.รายงานดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบกว่า 3 ทศวรรษนับ
ตั้งแต่เดือน พ.ย.17 ในขณะเดียวกันดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่
เดือน ก.ค.23 ผลจากราคารถยนต์โดยสารเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 2.2 และราคารถบรรทุกขนาดเล็กสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ร้อยละ 13.7 หลังจาก
ราคาลดลงในเดือน ต.ค.49 ทั้งนี้เป็นผลจากการออกรถยนต์รุ่นใหม่และการโปรโมชั่นลดราคารถยนต์ในบางเดือนทำให้ราคารถยนต์ในแต่ละเดือน
แตกต่างกัน อย่างไรก็ดี หากไม่รวมราคารถยนต์แล้ว ดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานในเดือน พ.ย.49 จะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 เท่ากับค่าเฉลี่ยในช่วง
2 เดือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนเดียวกันที่ยังอยู่ในระดับคงที่ ในขณะที่จำนวนบ้านที่เริ่มก่อสร้างในเดือน พ.ย.49 มีจำนวน
1.588 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 จากเดือน ต.ค.49 ซึ่งมีจำนวน 1.488 ล้านหน่วย แต่หากเทียบกับเดือน พ.ย.48 ซึ่งมีจำนวน
2.131 ล้านหน่วยแล้ว จำนวนบ้านที่เริ่มก่อสร้างลดลงร้อยละ 25.5 ต่อปี นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ธ.กลาง สรอ.ซึ่งให้ความสำคัญกับภาวะ
เงินเฟ้อมากกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบันต่อไป หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตัดสินใจคง
อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 5.25 ต่อปีเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน (รอยเตอร์)
2. คาดว่าธ.กลางจีนจะปรับเพิ่มทั้งอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเงินฝากและเงินกู้ยืมระยะ 1 ปีของธพ.อีกครั้งในไตรมาสที่ 2 ปี 50
รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 49 ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ 26 คนโดยรอยเตอร์ ในปักกิ่ง เชียงไฮ้ แฟร้งค์เฟริส ปารีส ลอนดอน
และวอชิงตัน ต่างเห็นพ้องกันว่า ธ.กลางจีนจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในราวกลางปี 50 เพื่อลดความร้อนแรงของการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจจีน และเพื่อให้การแข็งค่าของเงินหยวนเมื่อเทียบต่อดอลลาร์ สรอ.เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาสที่ 2 ธ.กลางจีนจะ
ปรับเพิ่มทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมอ้างอิงระยะ 1 ปีของธพ. อีกร้อยละ 0.27 อยู่ที่ระดับ 2.79 และ 6.39 ตามลำดับ
รวมทั้งคาดว่า จะปรับเพิ่มอัตราส่วนทุนสำรองที่ ธพ.อีกร้อยละ 0.50 ในไตรมาสแรกปี 50 เพื่อควบคุมการลงทุน และจัดการกับสภาพคล่อง
ส่วนเกิน ขณะที่เงินหยวนคาดว่าจะแข็งค่าถึงระดับ 7.63 หยวนต่อดอลลาร์ สรอ. ในอีก 3 เดือนจากระดับ 7.82 ในปัจจุบัน และทั้งปีจะแข็งค่า
เกือบร้อยละ 5 อยู่ที่ระดับ 7.44 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
3. จีนจัดเก็บรายได้ช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.7 รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.49
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนอ้างคำพูดของ Jin Renqing รมว.คลัง ที่กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ของจีนในปีนี้จะพุ่งขึ้นเป็นสถิติสูงสุดที่ประมาณ
3.9 ล้านล้านหยวน (500 พันล้านดอลลาร์ สรอ.) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ทำให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐ
เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่มีการจัดเก็บได้สูงสุด 2 ล้านล้านหยวน ในปี 46 โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ตัวเลขการจัดเก็บ
รายได้พุ่งขึ้นถึงระดับ 3.61 ล้านล้านหยวน (461.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.7 จากปีก่อน โดยรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ
22.3 ในช่วง 6 เดือนแรก และเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 ในช่วง 9 เดือนแรก ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของการจัดเก็บรายได้ของจีนไม่เพียงแค่มั่นคงเท่านั้น
แต่มีสมดุลด้วย ส่วนการดำเนินนโยบายด้านงบประมาณในปีหน้าจะยังคงเป็นไปอย่างรอบคอบและมั่นคง เพื่อที่จะปรับลดการขาดดุลงบประมาณของ
รัฐบาลลงอย่างเหมาะสม ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ารัฐบาลกลางจะดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุลในปีนี้ประมาณร้อยละ 1.5 ของจีดีพี (รอยเตอร์)
4. ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในเยอรมนีในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการรวมประเทศ รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 19 ธ.ค.49 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำ Ifo รายงานดัชนีชี้วัดบรรยากาศทางธุรกิจจากผลสำรวจธุรกิจประมาณ 7,000 แห่ง
เพิ่มขึ้นจากระดับ 106.8 ในเดือน พ.ย.49 มาอยู่ที่ระดับ 108.7 ในเดือน ธ.ค.49 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการสำรวจข้อมูลหลังรวม
ประเทศครั้งแรกในปี 34 และสูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 106.8 แสดงให้เห็นว่าธุรกิจส่วนใหญ่เชื่อว่าการขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้
บริโภคอีกร้อยละ 3.0 เป็นร้อยละ 19.0 นับตั้งแต่ต้นปี 50 จะไม่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 50 นักวิเคราะห์บางคนคาด
ว่ารายงานของ Ifo ดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันให้ ธ.กลางยุโรปหรือ ECB ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ
3.50 ต่อปี สูงสุดในรอบ 5 ปีเมื่อต้นเดือน ธ.ค.49 ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 20 ธ.ค. 49 19 ธ.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่ง
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.815 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.5446/35.9007 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12375 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 622.14/72.13 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,500/10,600 10,400/10,500 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.54 58.12 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเมื่อ 2 ธ.ค. 49 ** ปรับเมื่อ 16 ธ.ค. 49 26.09*/23.34** 26.09*/23.34** 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--