กรุงเทพ--2 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวานนี้ (1 มีนาคม 2548) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
การต่างประเทศเพื่อเดินทางไปชี้แจงและทำความเข้าใจกับ Professor Ekmeleddin Ihsanoglu เลขาธิการองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of Islamic Conference — OIC) ซึ่งได้ออกเอกสารข่าวแสดงท่าทีห่วงกังวลต่อสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 สรุปสาระได้ดังนี้
1. ฝ่ายไทยเห็นว่าท่าทีของ OIC ในเอกสารข่าวดังกล่าวอาจเกิดจากการได้รับข้อมูลที่
คลาดเคลื่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงได้สั่งการให้อุปทูต ณ กรุงริยาด และกงสุลใหญ่
ณ เมืองเจดดาห์เข้าพบและชี้แจงข้อเท็จจริงให้เลขาธิการ OIC ทราบเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าความรุนแรง
ที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของไทยนั้น ไม่ได้เกิดจากการกระทำของรัฐบาลไทย แต่เกิดจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ
ซึ่งเลขาธิการ OIC ได้รับทราบและเข้าใจเรื่องในระดับหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือชี้แจงเรื่องดังกล่าวให้เลขาธิการ OIC ทราบโดยตรงด้วยแล้ว
2. อย่างไรก็ดี โดยที่ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จำเป็นที่จะต้องมีการหารือกัน
อีกมาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงได้แต่งตั้งคณะผู้แทนพิเศษ (Special Envoy) ประกอบด้วยนายนิสสัย เวชชาชีวะ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุง
กัวลาลัมเปอร์ ดร. จรัล มะลูลีม ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาอิสลาม และกรรมการไต่สวนอิสระกรณีเกรือเซะและตากใบ และนายมหดี วิมานะ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน และกรรมการไต่สวนอิสระกรณีเกรือเซะ เพื่อเดินทางไปพบกับเลขาธิการ OIC ในวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม ศกนี้ ที่สำนักงานใหญ่ของ OIC เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมประชุมกับคณะผู้แทนพิเศษเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือและรวบรวมข้อมูลในประเด็นต่างๆ ที่จะมีการหยิบยกขึ้นชี้แจงให้เลขาธิการ OIC ทราบ โดยสรุปคือ
3.1 ความรุนแรงและการสังหารผู้บริสุทธิ์จำนวนมากที่เกิดขึ้นมิใช่เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ทั้งนี้ จะได้รวบรวมข้อมูลและจำนวนเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปแสดงต่อเลขาธิการ OIC ด้วย
3.2 สำหรับข้อกังวลของ OIC เรื่องสภาวะเศรษฐกิจและสังคมในภาคใต้นั้น คณะ
ผู้แทนพิเศษฯ จะได้ชี้แจงให้ทราบว่ารัฐบาลไทยมีนโยบายที่จะพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่จังหวัด
ชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง และได้เริ่มดำเนินการตามนโยบายนี้แล้วด้วย อาทิ การจัดตั้งธนาคารอิสลาม ความร่วมมือกับอียิปต์ในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยอิสลาม และความร่วมมือกับมาเลเซียในการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน เป็นต้น
3.3 หาก OIC ยังมีข้อข้องใจกรณีเกรือเซะและตากใบ นายจรัลฯ และนายมหดีฯ ซึ่งร่วมอยู่ในคณะกรรมการไต่สวนอิสระของทั้งสองเหตุการณ์ก็จะสามารถชี้แจงและอธิบายข้อเท็จจริงให้ทราบ เกี่ยวกับวิธีการทำงานของคณะกรรมการฯ ซึ่งเป็นอิสระและโปร่งใส รวมทั้งผลการไต่สวนซึ่งฝ่ายไทยได้ชี้แจง
ให้บรรดาประเทศมุสลิมทราบด้วยแล้ว นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีของไทยก็ได้ให้ความเห็นชอบต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการไต่สวนฯ และรัฐบาลได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะต่างๆ นั้นแล้วด้วย
อนึ่ง โดยที่ OIC เป็นเวทีการประชุมของกลุ่มประเทศมุสลิมที่มีความสำคัญและได้ให้การสนับสนุนประเทศไทยมาโดยตลอด ดังนั้น นอกจากเลขาธิการ OIC แล้ว คณะผู้แทนพิเศษจะหาโอกาสพบปะกับผู้ช่วยเลขาธิการ OIC ที่รับผิดชอบด้านการเมืองและชนกลุ่มน้อยต่อไป เพื่อชี้แจงและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และในอนาคต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะมอบหมายให้คณะผู้แทนพิเศษเดินทางไปพบปะกับผู้แทนของกลุ่มมุสลิมสำคัญๆ ในอินโดนีเซียและมาเลเซียด้วย
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวด้วยว่า
การแบ่งเขต (zoning) ในภาคใต้ของไทยเป็นการดำเนินการด้านบริหารเพื่อแก้ไขปัญหา มิใช่เป็นการเลือก
ประติบัติ และรัฐบาลไทยพร้อมจะรับฟังหาก OIC มีข้อเสนอแนะใดๆ ในเรื่องนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
เมื่อวานนี้ (1 มีนาคม 2548) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
การต่างประเทศเพื่อเดินทางไปชี้แจงและทำความเข้าใจกับ Professor Ekmeleddin Ihsanoglu เลขาธิการองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of Islamic Conference — OIC) ซึ่งได้ออกเอกสารข่าวแสดงท่าทีห่วงกังวลต่อสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 สรุปสาระได้ดังนี้
1. ฝ่ายไทยเห็นว่าท่าทีของ OIC ในเอกสารข่าวดังกล่าวอาจเกิดจากการได้รับข้อมูลที่
คลาดเคลื่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงได้สั่งการให้อุปทูต ณ กรุงริยาด และกงสุลใหญ่
ณ เมืองเจดดาห์เข้าพบและชี้แจงข้อเท็จจริงให้เลขาธิการ OIC ทราบเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าความรุนแรง
ที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของไทยนั้น ไม่ได้เกิดจากการกระทำของรัฐบาลไทย แต่เกิดจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ
ซึ่งเลขาธิการ OIC ได้รับทราบและเข้าใจเรื่องในระดับหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือชี้แจงเรื่องดังกล่าวให้เลขาธิการ OIC ทราบโดยตรงด้วยแล้ว
2. อย่างไรก็ดี โดยที่ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จำเป็นที่จะต้องมีการหารือกัน
อีกมาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงได้แต่งตั้งคณะผู้แทนพิเศษ (Special Envoy) ประกอบด้วยนายนิสสัย เวชชาชีวะ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุง
กัวลาลัมเปอร์ ดร. จรัล มะลูลีม ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาอิสลาม และกรรมการไต่สวนอิสระกรณีเกรือเซะและตากใบ และนายมหดี วิมานะ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน และกรรมการไต่สวนอิสระกรณีเกรือเซะ เพื่อเดินทางไปพบกับเลขาธิการ OIC ในวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม ศกนี้ ที่สำนักงานใหญ่ของ OIC เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมประชุมกับคณะผู้แทนพิเศษเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือและรวบรวมข้อมูลในประเด็นต่างๆ ที่จะมีการหยิบยกขึ้นชี้แจงให้เลขาธิการ OIC ทราบ โดยสรุปคือ
3.1 ความรุนแรงและการสังหารผู้บริสุทธิ์จำนวนมากที่เกิดขึ้นมิใช่เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ทั้งนี้ จะได้รวบรวมข้อมูลและจำนวนเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปแสดงต่อเลขาธิการ OIC ด้วย
3.2 สำหรับข้อกังวลของ OIC เรื่องสภาวะเศรษฐกิจและสังคมในภาคใต้นั้น คณะ
ผู้แทนพิเศษฯ จะได้ชี้แจงให้ทราบว่ารัฐบาลไทยมีนโยบายที่จะพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่จังหวัด
ชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง และได้เริ่มดำเนินการตามนโยบายนี้แล้วด้วย อาทิ การจัดตั้งธนาคารอิสลาม ความร่วมมือกับอียิปต์ในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยอิสลาม และความร่วมมือกับมาเลเซียในการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน เป็นต้น
3.3 หาก OIC ยังมีข้อข้องใจกรณีเกรือเซะและตากใบ นายจรัลฯ และนายมหดีฯ ซึ่งร่วมอยู่ในคณะกรรมการไต่สวนอิสระของทั้งสองเหตุการณ์ก็จะสามารถชี้แจงและอธิบายข้อเท็จจริงให้ทราบ เกี่ยวกับวิธีการทำงานของคณะกรรมการฯ ซึ่งเป็นอิสระและโปร่งใส รวมทั้งผลการไต่สวนซึ่งฝ่ายไทยได้ชี้แจง
ให้บรรดาประเทศมุสลิมทราบด้วยแล้ว นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีของไทยก็ได้ให้ความเห็นชอบต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการไต่สวนฯ และรัฐบาลได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะต่างๆ นั้นแล้วด้วย
อนึ่ง โดยที่ OIC เป็นเวทีการประชุมของกลุ่มประเทศมุสลิมที่มีความสำคัญและได้ให้การสนับสนุนประเทศไทยมาโดยตลอด ดังนั้น นอกจากเลขาธิการ OIC แล้ว คณะผู้แทนพิเศษจะหาโอกาสพบปะกับผู้ช่วยเลขาธิการ OIC ที่รับผิดชอบด้านการเมืองและชนกลุ่มน้อยต่อไป เพื่อชี้แจงและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และในอนาคต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะมอบหมายให้คณะผู้แทนพิเศษเดินทางไปพบปะกับผู้แทนของกลุ่มมุสลิมสำคัญๆ ในอินโดนีเซียและมาเลเซียด้วย
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวด้วยว่า
การแบ่งเขต (zoning) ในภาคใต้ของไทยเป็นการดำเนินการด้านบริหารเพื่อแก้ไขปัญหา มิใช่เป็นการเลือก
ประติบัติ และรัฐบาลไทยพร้อมจะรับฟังหาก OIC มีข้อเสนอแนะใดๆ ในเรื่องนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-