ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เตรียมพิจารณามาตรการส่งเสริมการถือครองเงินตราต่างประเทศเพิ่มเติม รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ว่า ขณะนี้ ธปท.เตรียมพิจารณามาตรการส่งเสริมการถือครองเงินตราต่างประเทศเพิ่มเติม โดยเสนอ ก.คลังเพื่ออนุญาตให้นิติบุคคลไทย
สามารถลงทุนในต่างประเทศได้ไม่จำกัดจำนวน จากเดิมไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์ สรอ. และเพิ่มวงเงินลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศของ
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน รวม บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันภัย และสถาบันการเงิน
ที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้ง ทำได้โดยไม่จำกัดจำนวน นอกจากนั้น ยังพิจารณาที่จะยอมให้คนไทยและนิติบุคคลไทยเปิดบัญชีเงินฝากเป็นเงินตรา
ต่างประเทศในต่างประเทศได้ จากเดิมที่จะต้องนำเข้าประเทศภายใน 120 วัน และจะต้องขายเงินตราต่างประเทศหลังจากที่นำเข้า 15 วัน
(ไทยรัฐ)
2. ธปท.ออกหนังสือแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านระบบอินเตอร์เน็ต รายงานข่าวจากฝ่ายตลาด
การเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกหนังสือแจ้งเตือนประชาชนทั่วไปให้ระมัดระวังการซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านทางระบบ
อินเตอร์เน็ต โดยระบุว่า การซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง และไม่น่าจะสามารถดำเนินการได้จริง
ที่สำคัญยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ.2485 ด้วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้รับการ
สอบถามจากประชาชนทั่วไปว่า ได้ซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านทางเว็บไซต์บางแห่งที่ได้ให้บริการซื้อขายค่าเงินสกุลต่าง ๆ และจะโอนเงิน
ออกเพื่อชำระหนี้ในธุรกรรมดังกล่าวสามารถทำได้หรือไม่ ทำให้ ธปท.เกรงว่า เว็บไซต์เหล่านี้อาจจะพยายามใช้โอกาสที่ค่าเงินบาทที่มีความ
ผันผวนในขณะนี้ ชี้นำให้ประชาชนบางคนหลงเชื่อและถูกหลอกลวงว่า สามารถทำกำไรจากการซื้อขายในลักษณะการเก็งกำไรค่าเงินบาทได้
ในช่วงที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (บ้านเมือง, มติชน, สยามรัฐ)
3. ครม.มอบหมายให้ ก.คลังและ ธปท.ติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รอง นรม. และ
รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มอบหมายให้ ก.คลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่าง
ใกล้ชิด โดยในสัปดาห์หน้าจะเสนอ ครม.พิจารณาสรุปสถานการณ์ค่าเงินบาท ขณะที่ รมว.คลัง กล่าวว่า ยังคงให้ ธปท.เป็นผู้ดูแลความผันผวน
ของค่าเงินบาท ขณะเดียวกันจะเพิ่มมาตรการหนุนเงินไหลออกลดแรงกดดันบาทแข็งค่าด้วย ด้านนายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรอง นรม. และ
รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ ธปท.ต้องดำเนินการ 2 ด้านให้เกิดผลทันที เพื่อดูแลค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นจนจะนำไปสู่วิกฤตของประเทศรอบใหม่
ด้านแรก คือ ธปท.ต้องเข้าแทรกแซงในจำนวนที่มากพอให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปอยู่ที่ 35-36 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ประกอบการ
ส่งออกอยู่ได้ ด้านที่ 2 คือ การสนับสนุนให้ภาคเอกชนที่มีหนี้ต่างประเทศ 40,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. แปลงหนี้มาเป็นค่าเงินบาท ซึ่งปัจจัย
สำคัญ คือ ธปท.ต้องลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อให้เกิดแรงจูงใจการแปลงหนี้ นอกจากนี้ ควรยกเลิกมาตรการร้อยละ 30 และป้องกันความเสี่ยง
ทั้งจำนวน (โลกวันนี้, ข่าวสด, โพสต์ทูเดย์)
4. ตลท.คงระดับเป้าหมายจำนวน บจ.ไว้ที่ระดับเดิม กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
เปิดเผยว่า ตลท.รายงานให้คณะกรรมการทราบถึงผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงสรุปแผนงานที่จะดำเนินการในช่วง
ครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเน้นการให้ข้อมูลแก่นักลงทุน และจัดทำบทวิเคราะห์ในหลักทรัพย์ที่ผู้ลงทุนไม่รู้จักมากนัก เพื่อจูงใจภาคเอกชนให้เข้าระดมทุน
ผ่านตราสารหนี้หรือหุ้นกู้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งผลักดันให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการในการคง
ระดับเป้าหมายบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ตั้งเป้าไว้ตั้งแต่ต้นปีจำนวน 64 บริษัท แบ่งเป็นการเข้าจดทะเบียนใน ตลท. 40 บริษัท และ
ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ 24 บริษัท เนื่องจากมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีบริษัทที่สนใจเข้าระดมทุนจำนวนมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรกจาก
ภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย ตลท.จึงพยายามให้มี บจ.ถึงระดับดังกล่าว (โลกวันนี้)
5. สบน.ผลักดันแก้ไขกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สบน. โดย
ก.คลังได้ผลักดันให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 3 ก.พ.48 ซึ่งในการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้
จะเป็นผลดีในภาวะที่ค่าเงินบาทผันผวน ลดแรงกดดันจากการโจมตีค่าเงินบาท และการเก็งกำไรค่าเงินที่เกิดขึ้นในระยะนี้ โดยการแก้ไข
กฎหมายฉบับดังกล่าว นอกจากจะมีส่วนช่วยพัฒนาตลาดตราสารหนี้ที่เปิดโอกาสให้มีการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศในสกุลเงินบาทแล้ว
ยังมีระบบการตรวจสอบและถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพเป็นการบังคับไม่ให้ ก.คลังใช้จ่ายนอกกรอบวินัยทาง งปม. และการคลัง (ผู้จัดการรายวัน)
6. ก.คลังเตรียมเจรจากับพันธมิตรรายใหม่ในการเข้าซื้อหุ้น ธ.ทหารไทย ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะกรรมการ
บริหาร ธ.ทหารไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการธนาคารว่า ก.คลังกำลังเจรจากับพันธมิตรรายใหม่ให้เข้ามาซื้อหุ้นธนาคารอยู่
สำหรับการเจรจากับทางกลุ่มดีบีเอส สิงคโปร์นั้นใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว จึงต้องรอให้กระบวนการเจรจาเสร็จสิ้นเสียก่อน แผนการเพิ่มทุนจึงจะ
ได้ข้อสรุป ทั้งนี้ ก.คลังซึ่งถือหุ้นใน ธ.ทหารไทยร้อยละ 30 จะเพิ่มทุนแน่นอนเพราะเป็นหน้าที่ แม้หลังการเพิ่มทุนสัดส่วนหุ้นจะปรับลดลงมา
แต่ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ.ในเดือน มิ.ย.50 ลดลงร้อยละ 0.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นในเดือนก่อนหน้า รายงานจากวอชิงตัน
เมื่อ 17 ก.ค.50 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตในเดือน มิ.ย.50 ลดลงร้อยละ 0.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ใน
เดือนก่อนหน้า แต่ดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 สูงกว่าเล็กน้อยจากเดือน
ก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ดัชนีราคาผู้ผลิตที่ลดลงดังกล่าว สวนทางกับตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น โดย ธ.กลาง สรอ.เปิดเผยว่า
ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากที่ลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตรถยนต์
และรถบรรทุก ทั้งนี้ แม้ดัชนีชี้เศรษฐกิจทั้งสองประเภทจะแสดงทิศทางที่ตรงข้ามกัน ซึ่งยังก่อให้เกิดความสับสน แต่มีนัยที่บ่งชี้ได้ว่า ภาวะ
เศรษฐกิจของ สรอ.จะสามารถฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบอันเนื่องมาจากการชะลอตัวของตลาดบ้าน ที่ The National Association of
Home Builders เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.34 (รอยเตอร์)
2. คาดว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะชะลอตัวลงในไตรมาส 2 รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 17 ก.ค.50
สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 48 คน คาดว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะชะลอตัวลงในไตรมาส 2 เนื่องจาก
การส่งออกชะลอตัวแต่อาจจะค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้นได้ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 0.3 ลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง
จากไตรมาสแรกที่ขยายตัวร้อยละ 0.8 แต่จะเร่งตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.4 ในไตรมาส 3 และร้อยละ 0.5 ในไตรมาสสุดท้าย เนื่องจาก
คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องทำให้การส่งออกของญี่ปุ่นฟื้นตัว ทั้งนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นช่วงนี้เป็นเพียง
ชั่วคราวและคาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ สรอ. ที่จะเพิ่มขึ้นนับจากนี้ไป จะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกของญี่ปุ่น ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์
บางคนกล่าวว่าการบริโภคภายในครัวเรือนอาจจะชะลอตัวลงด้วยเช่นกันหลังจากที่ขยายตัวได้ดีในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนอัตราเงินเฟ้อ
มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นในช่วงปลายปีหลังจากที่อ่อนตัวลงในระยะนี้ อาจทำให้ ธ.กลางของญี่ปุ่นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ร้อยละ 0.75
ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี ในไตรมาสนี้และคาดว่าน่าจะเป็นเดือน ส.ค. (รอยเตอร์)
3. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของอังกฤษในเดือน มิ.ย.50 อยู่ที่ร้อยละ 2.0 สูงสุดในรอบ 10 ปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ
17 ก.ค.50 สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาพลังงาน เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ อาหารและบุหรี่
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.0 ในเดือน มิ.ย.50 สูงสุดในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่เดือน มี.ค.40 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาเฟอร์นิเจอร์ที่พุ่งสูงขึ้น
ในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลดังกล่าวเมื่อกว่า 10 ปีก่อนซึ่งมีส่วนทำให้ดัชนีราคาค้าปลีกในเดือน มิ.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4
สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.50 ในขณะที่ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นและราคาอาหารที่คาดว่าจะสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้าจากผลกระทบ
ของสภาพอากาศที่มีความชื้นมากสุดเป็นประวัติการณ์ทำให้พืชผลทางการเกษตรในหลายพื้นที่ของประเทศได้รับความเสียหายก็คาดว่าจะทำให้
อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ธ.กลางอังกฤษอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเป็นร้อยละ 6.0
ต่อปีก่อนสิ้นปีนี้ (รอยเตอร์)
4. ยอดขายของห้างสรรพสินค้าของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว รายงานจากกรุงโซล เกาหลีใต้
เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 50 ก.พาณิชย์เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ในเดือน มิ.ย. ยอดขายของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 3 แห่งของเกาหลีใต้ได้แก่
Lotte Shopping Co. , Shinsegae Co. Ltd. และ Hyundai Department Store Co. Ltd. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
ร้อยละ 4.4 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.1 และ 2.3 ในเดือน พ.ค. และ เม.ย. ตามลำดับ และสูงกว่าตัวเลขยอดขายของห้างสรรพสินค้า
ที่เปิดเผยโดย ก.คลังเกาหลีใต้ก่อนหน้านั้นว่ายอดขายในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 2.7 สนับสนุนสัญญานว่าอุปสงค์
ในประเทศฟื้นตัวแล้ว อนึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ก.พาณิชย์รายงานว่ายอดขายของห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 ก.ค. 50 17 ก.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.342 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.1104/33.4542 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.63375 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 856.91/23.54 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,500/10,600 10,500/10,600 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 69.78 71.49 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 29.99*/25.74** 29.99*/25.74** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเลดเมื่อ 14 ก.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 11 ก.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เตรียมพิจารณามาตรการส่งเสริมการถือครองเงินตราต่างประเทศเพิ่มเติม รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ว่า ขณะนี้ ธปท.เตรียมพิจารณามาตรการส่งเสริมการถือครองเงินตราต่างประเทศเพิ่มเติม โดยเสนอ ก.คลังเพื่ออนุญาตให้นิติบุคคลไทย
สามารถลงทุนในต่างประเทศได้ไม่จำกัดจำนวน จากเดิมไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์ สรอ. และเพิ่มวงเงินลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศของ
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน รวม บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันภัย และสถาบันการเงิน
ที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้ง ทำได้โดยไม่จำกัดจำนวน นอกจากนั้น ยังพิจารณาที่จะยอมให้คนไทยและนิติบุคคลไทยเปิดบัญชีเงินฝากเป็นเงินตรา
ต่างประเทศในต่างประเทศได้ จากเดิมที่จะต้องนำเข้าประเทศภายใน 120 วัน และจะต้องขายเงินตราต่างประเทศหลังจากที่นำเข้า 15 วัน
(ไทยรัฐ)
2. ธปท.ออกหนังสือแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านระบบอินเตอร์เน็ต รายงานข่าวจากฝ่ายตลาด
การเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกหนังสือแจ้งเตือนประชาชนทั่วไปให้ระมัดระวังการซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านทางระบบ
อินเตอร์เน็ต โดยระบุว่า การซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง และไม่น่าจะสามารถดำเนินการได้จริง
ที่สำคัญยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ.2485 ด้วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้รับการ
สอบถามจากประชาชนทั่วไปว่า ได้ซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านทางเว็บไซต์บางแห่งที่ได้ให้บริการซื้อขายค่าเงินสกุลต่าง ๆ และจะโอนเงิน
ออกเพื่อชำระหนี้ในธุรกรรมดังกล่าวสามารถทำได้หรือไม่ ทำให้ ธปท.เกรงว่า เว็บไซต์เหล่านี้อาจจะพยายามใช้โอกาสที่ค่าเงินบาทที่มีความ
ผันผวนในขณะนี้ ชี้นำให้ประชาชนบางคนหลงเชื่อและถูกหลอกลวงว่า สามารถทำกำไรจากการซื้อขายในลักษณะการเก็งกำไรค่าเงินบาทได้
ในช่วงที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (บ้านเมือง, มติชน, สยามรัฐ)
3. ครม.มอบหมายให้ ก.คลังและ ธปท.ติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รอง นรม. และ
รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มอบหมายให้ ก.คลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่าง
ใกล้ชิด โดยในสัปดาห์หน้าจะเสนอ ครม.พิจารณาสรุปสถานการณ์ค่าเงินบาท ขณะที่ รมว.คลัง กล่าวว่า ยังคงให้ ธปท.เป็นผู้ดูแลความผันผวน
ของค่าเงินบาท ขณะเดียวกันจะเพิ่มมาตรการหนุนเงินไหลออกลดแรงกดดันบาทแข็งค่าด้วย ด้านนายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรอง นรม. และ
รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ ธปท.ต้องดำเนินการ 2 ด้านให้เกิดผลทันที เพื่อดูแลค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นจนจะนำไปสู่วิกฤตของประเทศรอบใหม่
ด้านแรก คือ ธปท.ต้องเข้าแทรกแซงในจำนวนที่มากพอให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปอยู่ที่ 35-36 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ประกอบการ
ส่งออกอยู่ได้ ด้านที่ 2 คือ การสนับสนุนให้ภาคเอกชนที่มีหนี้ต่างประเทศ 40,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. แปลงหนี้มาเป็นค่าเงินบาท ซึ่งปัจจัย
สำคัญ คือ ธปท.ต้องลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อให้เกิดแรงจูงใจการแปลงหนี้ นอกจากนี้ ควรยกเลิกมาตรการร้อยละ 30 และป้องกันความเสี่ยง
ทั้งจำนวน (โลกวันนี้, ข่าวสด, โพสต์ทูเดย์)
4. ตลท.คงระดับเป้าหมายจำนวน บจ.ไว้ที่ระดับเดิม กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
เปิดเผยว่า ตลท.รายงานให้คณะกรรมการทราบถึงผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงสรุปแผนงานที่จะดำเนินการในช่วง
ครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเน้นการให้ข้อมูลแก่นักลงทุน และจัดทำบทวิเคราะห์ในหลักทรัพย์ที่ผู้ลงทุนไม่รู้จักมากนัก เพื่อจูงใจภาคเอกชนให้เข้าระดมทุน
ผ่านตราสารหนี้หรือหุ้นกู้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งผลักดันให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการในการคง
ระดับเป้าหมายบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ตั้งเป้าไว้ตั้งแต่ต้นปีจำนวน 64 บริษัท แบ่งเป็นการเข้าจดทะเบียนใน ตลท. 40 บริษัท และ
ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ 24 บริษัท เนื่องจากมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีบริษัทที่สนใจเข้าระดมทุนจำนวนมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรกจาก
ภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย ตลท.จึงพยายามให้มี บจ.ถึงระดับดังกล่าว (โลกวันนี้)
5. สบน.ผลักดันแก้ไขกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สบน. โดย
ก.คลังได้ผลักดันให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 3 ก.พ.48 ซึ่งในการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้
จะเป็นผลดีในภาวะที่ค่าเงินบาทผันผวน ลดแรงกดดันจากการโจมตีค่าเงินบาท และการเก็งกำไรค่าเงินที่เกิดขึ้นในระยะนี้ โดยการแก้ไข
กฎหมายฉบับดังกล่าว นอกจากจะมีส่วนช่วยพัฒนาตลาดตราสารหนี้ที่เปิดโอกาสให้มีการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศในสกุลเงินบาทแล้ว
ยังมีระบบการตรวจสอบและถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพเป็นการบังคับไม่ให้ ก.คลังใช้จ่ายนอกกรอบวินัยทาง งปม. และการคลัง (ผู้จัดการรายวัน)
6. ก.คลังเตรียมเจรจากับพันธมิตรรายใหม่ในการเข้าซื้อหุ้น ธ.ทหารไทย ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะกรรมการ
บริหาร ธ.ทหารไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการธนาคารว่า ก.คลังกำลังเจรจากับพันธมิตรรายใหม่ให้เข้ามาซื้อหุ้นธนาคารอยู่
สำหรับการเจรจากับทางกลุ่มดีบีเอส สิงคโปร์นั้นใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว จึงต้องรอให้กระบวนการเจรจาเสร็จสิ้นเสียก่อน แผนการเพิ่มทุนจึงจะ
ได้ข้อสรุป ทั้งนี้ ก.คลังซึ่งถือหุ้นใน ธ.ทหารไทยร้อยละ 30 จะเพิ่มทุนแน่นอนเพราะเป็นหน้าที่ แม้หลังการเพิ่มทุนสัดส่วนหุ้นจะปรับลดลงมา
แต่ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ.ในเดือน มิ.ย.50 ลดลงร้อยละ 0.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นในเดือนก่อนหน้า รายงานจากวอชิงตัน
เมื่อ 17 ก.ค.50 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตในเดือน มิ.ย.50 ลดลงร้อยละ 0.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ใน
เดือนก่อนหน้า แต่ดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 สูงกว่าเล็กน้อยจากเดือน
ก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ดัชนีราคาผู้ผลิตที่ลดลงดังกล่าว สวนทางกับตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น โดย ธ.กลาง สรอ.เปิดเผยว่า
ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากที่ลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตรถยนต์
และรถบรรทุก ทั้งนี้ แม้ดัชนีชี้เศรษฐกิจทั้งสองประเภทจะแสดงทิศทางที่ตรงข้ามกัน ซึ่งยังก่อให้เกิดความสับสน แต่มีนัยที่บ่งชี้ได้ว่า ภาวะ
เศรษฐกิจของ สรอ.จะสามารถฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบอันเนื่องมาจากการชะลอตัวของตลาดบ้าน ที่ The National Association of
Home Builders เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.34 (รอยเตอร์)
2. คาดว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะชะลอตัวลงในไตรมาส 2 รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 17 ก.ค.50
สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 48 คน คาดว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะชะลอตัวลงในไตรมาส 2 เนื่องจาก
การส่งออกชะลอตัวแต่อาจจะค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้นได้ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 0.3 ลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง
จากไตรมาสแรกที่ขยายตัวร้อยละ 0.8 แต่จะเร่งตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.4 ในไตรมาส 3 และร้อยละ 0.5 ในไตรมาสสุดท้าย เนื่องจาก
คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องทำให้การส่งออกของญี่ปุ่นฟื้นตัว ทั้งนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นช่วงนี้เป็นเพียง
ชั่วคราวและคาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ สรอ. ที่จะเพิ่มขึ้นนับจากนี้ไป จะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกของญี่ปุ่น ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์
บางคนกล่าวว่าการบริโภคภายในครัวเรือนอาจจะชะลอตัวลงด้วยเช่นกันหลังจากที่ขยายตัวได้ดีในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนอัตราเงินเฟ้อ
มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นในช่วงปลายปีหลังจากที่อ่อนตัวลงในระยะนี้ อาจทำให้ ธ.กลางของญี่ปุ่นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ร้อยละ 0.75
ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี ในไตรมาสนี้และคาดว่าน่าจะเป็นเดือน ส.ค. (รอยเตอร์)
3. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของอังกฤษในเดือน มิ.ย.50 อยู่ที่ร้อยละ 2.0 สูงสุดในรอบ 10 ปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ
17 ก.ค.50 สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาพลังงาน เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ อาหารและบุหรี่
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.0 ในเดือน มิ.ย.50 สูงสุดในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่เดือน มี.ค.40 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาเฟอร์นิเจอร์ที่พุ่งสูงขึ้น
ในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลดังกล่าวเมื่อกว่า 10 ปีก่อนซึ่งมีส่วนทำให้ดัชนีราคาค้าปลีกในเดือน มิ.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4
สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.50 ในขณะที่ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นและราคาอาหารที่คาดว่าจะสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้าจากผลกระทบ
ของสภาพอากาศที่มีความชื้นมากสุดเป็นประวัติการณ์ทำให้พืชผลทางการเกษตรในหลายพื้นที่ของประเทศได้รับความเสียหายก็คาดว่าจะทำให้
อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ธ.กลางอังกฤษอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเป็นร้อยละ 6.0
ต่อปีก่อนสิ้นปีนี้ (รอยเตอร์)
4. ยอดขายของห้างสรรพสินค้าของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว รายงานจากกรุงโซล เกาหลีใต้
เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 50 ก.พาณิชย์เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ในเดือน มิ.ย. ยอดขายของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 3 แห่งของเกาหลีใต้ได้แก่
Lotte Shopping Co. , Shinsegae Co. Ltd. และ Hyundai Department Store Co. Ltd. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
ร้อยละ 4.4 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.1 และ 2.3 ในเดือน พ.ค. และ เม.ย. ตามลำดับ และสูงกว่าตัวเลขยอดขายของห้างสรรพสินค้า
ที่เปิดเผยโดย ก.คลังเกาหลีใต้ก่อนหน้านั้นว่ายอดขายในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 2.7 สนับสนุนสัญญานว่าอุปสงค์
ในประเทศฟื้นตัวแล้ว อนึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ก.พาณิชย์รายงานว่ายอดขายของห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 ก.ค. 50 17 ก.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.342 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.1104/33.4542 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.63375 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 856.91/23.54 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,500/10,600 10,500/10,600 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 69.78 71.49 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 29.99*/25.74** 29.99*/25.74** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเลดเมื่อ 14 ก.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 11 ก.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--