ประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง แนวทางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่การตลาด อาศัยอำนาจตามความในข้อ 7(4) แห่งข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง ใบอนุญาตเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2537 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด แนวทางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่การตลาดตามแนบท้ายประกาศนี้ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2538 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 20 กันยายน 2538 (ลงนาม) เสรี จินตนเสรี (นายเสรี จินตนเสรี) กรรมการและผู้จัดการ แนวทางในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่การตลาด ในการปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาให้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนหรือเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน เจ้าหน้าที่การตลาดพึงปฏิบัติตามแนวทางในการปฏิบัติดังต่อไปนี้ 1. การทำความรู้จักลูกค้า 2. การให้คำแนะนำที่เหมาะสม 3. การส่งคำสั่งซื้อขายตามความต้องการของลูกค้า 4. การปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเสมอภาค 5. การไม่ยุ่งเกี่ยวหรือใช้ทรัพย์สินหรือบัญชีของลูกค้า 6. การเปิดเผยความขัดแย้งทางผลประโยชน์ 7. การรักษาความลับของลูกค้า 1. การทำความรู้จักลูกค้า ก่อนให้บริการแก่ลูกค้าเจ้าหน้าที่การตลาดต้องทำความรู้จักลูกค้า โดยปฏิบัติดังนี้ 1.1 เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า 1.1.1 ดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า ซึ่งอาจได้จากการที่ลูกค้ากรอกในแบบฟอร์มคำขอเป็นลูกค้าเอง จากการสอบถามลูกค้า หรือจากวิธีการใดๆ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการประเมินฐานะ และการให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุนในหลักทรัพย์ โดยข้อมูลเบื้องต้นควรประกอบด้วย - ประวัติลูกค้า เช่น ชื่อ ที่อยู่ อายุ อาชีพ การศึกษา - ฐานะการเงิน เช่น ระดับรายได้ ทรัพย์สิน - ชื่อและที่อยู่ของนายจ้างหรือสถานะประกอบการของลูกค้า - วัตถุประสงค์และข้อจำกัดในการลงทุน - พื้นฐานความรู้ความเข้าใจในการลงทุน - สถานภาพทางกฎหมาย (เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือบุคคลธรรมดา) - สถานภาพในการเสียภาษี - ขอบเขตอำนาจของผู้รับมอบอำนาจในการสั่งซื้อหรือสั่งขายหลักทรัพย์ (ในกรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นกระทำการแทนลูกค้า) เมื่อได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าจากแบบฟอร์มคำขอเป็นลูกค้า หรือจากเอกสารหลักฐานอื่น หรือจากวิธีการอื่นใด เจ้าหน้าที่การตลาดต้องบันทีกและลงนามรับทราบข้อมูลดังกล่าว 1.1.2 เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าเมื่อได้ติดต่อกับลูกค้าในครั้งแรกและต้องปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ 1.1.3 เจ้าหน้าที่การตลาดต้องใช้วิจารณญาณในการพิจารณาระดับข้อมูลที่เหมาะสมตามประเภทของลูกค้าและให้บันทึกเหตุผลในการพิจารณา เช่น กรณีลูกค้าประเภทสถาบัน ลูกค้าที่ซื้อหลักทรัพย์ตามขั้นตอนและวิธีการที่กำหนดในหนังสือชี้ชวนหรือโฆษณาเชิญชวน หรือลูกค้าที่ประสงค์จะส่งคำสั่งซื้อขายเพียงอย่างเดียว โดยไม่ต้องการคำแนะนำ (Execution-only cliesnts) อาจไม่จำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ และข้อจำกัดในการลงทุน เป็นต้น 1.1.4 หากลูกค้าปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล เจ้าหน้าที่การตลาดต้องใช้ความพยายามในการติดตามข้อมูลเท่าที่จะทำได้ ในกรณีที่เห็นว่าข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้าไม่เพียงพอ ที่จะเมินฐานะและความเสี่ยงของลูกค้า หรือไม่อาจให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับลูกค้าได้ ต้องปฏิเสธรับเป็นลูกค้า 1.2 สังเกตพฤติกรรมลูกค้า เจ้าหน้าที่การตลาดควรสังเกตพฤติกรรมของลูกค้า โดยอาจสอบถามฐานะการเงินและความน่าเชื่อถือของลูกค้าจากบริษัทหลักทรัพย์อื่น หรือสถาบันการเงินที่ลูกค้าเคยใช้บริการ และควรสังเกตลักษณะนิสัยของลูกค้าประกอบกันไปด้วย 2. การให้คำแนะนำที่เหมาะสม เจ้าหน้าที่การตลาดต้องให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับลูกค้า โดยปฏิบัติดังนี้ 2.1 คำแนะนำต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการลงทุนของลูกค้าโดยพึงตระหนักว่าลูกค้าแต่ละรายจะมีแบบแผนการลงทุนและความคาดหวังจากการลงทุนที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ในการให้บริการแก่ลูกค้าเจ้าหน้าที่การตลาดต้องให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติในการลงทุนและความเสี่ยงที่จะได้รับ และพยายามศึกษาว่าลูกค้าแต่ละรายยอมรับความเสี่ยงในระดับใด รวมทั้งคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนไว้อย่างไร 2.2 คำแนะนำต้องคำนึงถึงการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนของลูกค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงที่อาจมีผลให้ลูกค้าไม่ได้รับผลตอบแทนในระดับที่คาดหวังไว้ 2.3 คำแนะนำต้องเป็นข้อมูลหรือข่าวสารที่เปิดเผยต่อสาธารชน (Public Information) และไม่ควรให้คำแนะนำโดยใช้ข่าวลือหรือข่าวที่ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงชัดเจน (Rumors or gossip) 2.4 คำแนะนำต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ในกรณีที่เป็นความเห็นต้องชี้แจงให้ลูกค้าทราบว่าเป็นความเห็นมิใช่ข้อเท็จจริง และต้องให้ลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจลงทุนโดยใช้ข้อมูลดังกล่าวเอง 2.5 คำแนะนำเกี่ยวกับขนาดของการลงทุนและความถี่ในการซื้อขายหลักทรัพย์ต้องเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย โดยคำนึงถึงฐานะการเงินและวัตถุประสงค์ในการลงทุนของลูกค้าเป็นหลัก และต้องไม่แนะนำให้ซื้อขายหลักทรัพย์เพียงเพื่อต้องการที่จะได้ค่านายหน้า (Churning) 2.6 ต้องไม่รับประกันผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับไม่ว่าด้วยวาจาหรือเป็นลายลักษณ์อักษร 2.7 ต้องไม่เร่งรัดให้ลูกค้ารีบตัดสินใจซื้อขาย (Boiler-room technique) โดยต้องเปิดโอกาสให้ลูกค้าสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอย่างเพียงพอก่อนตัดสินใจลงทุน 2.8 ต้องไม่ใช้ข้อมูลภายในในการให้คำแนะนำแก่ลูกค้า ก่อนที่ข้อมูลนั้นจะมีการเปิดเผยต่อสาธารณชน และต้องไม่เอาเปรียบลูกค้าโดยใช้ข้อมูลภายในเพื่อแสวงหาประโยชน์ในการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเอง เพื่อสมาชิกหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง 3. การส่งคำสั่งซื้อขายตามความต้องการของลูกค้า เจ้าหน้าที่การตลาดต้องส่งคำสั่งซื้อขายตามความต้องการของลูกค้า โดยปฏิบัติดังนี้ 3.1 การส่งคำสั่งซื้อขายต้องเป็นไปตามคำสั่งของลูกค้า และต้องพยายามให้ได้ราคาที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในขณะนั้น 3.2 ต้องไม่ส่งคำสั่งซื้อขายเมื่อทราบว่าลูกค้าตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน 3.3 ในกรณีที่ทราบว่าลูกค้าจะซื้อขายหลักทรัพย์ หรือได้แนะนำให้ลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์ใด เจ้าหน้าที่การตลาดต้องไม่ซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองเพื่อสมาชิกก่อนซื้อขายหลักทรัพย์นั้นเพื่อลูกค้า (Front running) ในอันที่จะทำให้ลูกค้าเสียเปรียบ หรือทำให้เจ้าที่การตลาดหรือสมาชิกได้รับผลประโยชน์อันเนื่องมาจากการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้ารายนั้น 3.4 ห้ามเจ้าหน้าที่การตลาดตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์แทนลูกค้า (Discretionary account) 4. การปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเสมอภาค เจ้าหน้าที่การตลาดต้องปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเสมอภาค โดยปฏิบัติดังนี้ 4.1 ต้องให้คำแนะนะแก่ลูกค้าและปฏิบัติตามคำสั่งของลูกค้าอย่างเสมอภาคและไม่เลือกปฏิบัติ 4.2 ในการเผยแพร่รายงานการวิเคราะห์หรือให้ข้อมูลใด ๆ ที่อาจมีผลต่อราคาซื้อขายหลักทรัพย์ เจ้าหน้าที่การตลาดต้องพยายามให้ลูกค้าได้รับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากรายงานหรือข้อมูล ดังกล่าวโดยไม่มีการได้เปรียบเสียบเปรียบกัน 5. การไม่ยุ่งเกี่ยวหรือใช้ทรัพย์สินหรือบัญชีของลูกค้า เจ้าหน้าที่การตลาดต้องไม่ยุ่งเกี่ยวหรือใช้ทรัพย์สินหรือบัญชีของลูกค้า โดยปฏิบัติดังนี้ 5.1 ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวหรือใช้ทรัพย์สินหรือบัญชีของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้า การซื้อขายหลักทรัพย์อื่นผ่านบัญชีของลูกค้า การนำเงินลูกค้าไปใช้ประโยชน์ส่วนตน การรับฝากหรือเก็บรักษาใบหลักทรัพย์หรือเช็คของลูกค้า หรือการกระทำอื่นใดที่มิใช่การปฏิบัติหน้าที่แทนบริษัท ทั้งนี้ไม่ว่าเจ้าหน้าที่การตลาดจะได้รับประโยชน์จากการกระทำดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม 5.2 เจ้าหน้าที่การตลาดต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับกำไรหรือขาดทุนที่ลูกค้าได้รับแม้ว่าในบางกรณีจะประสงค์เพื่อช่วยเหลือลูกค้าก็ตาม 6. การเปิดเผยความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ในการให้คำแนะนำแก่ลูกค้า ถ้ามีความขัดแย้งทางประโยชน์ระหว่างสมาชิกกับลูกค้า หรือ ระหว่างเจ้าหน้าที่การตลาดกับลูกค้าซึ่งอาจมีผลต่อการลงทุนของลูกค้า เจ้าหน้าที่การตลาดต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางผลประโยชน์ดังกล่าวให้ลูกค้าทราบอย่างชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมในการลงทุน กรณีต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของการขัดแย้งทางผลประโยชน์และแนวทางที่พึงปฏิบัติ 6.1 ในกรณีที่ทราบว่าสมาชิกถือครอง จัดจำหน่าย หรือรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ใดหรือสมาชิกหรือผู้บริหารมีความสัมพันธ์หรือมีประโยชน์เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ใด เจ้าหน้าที่การตลาดต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ลูกค้าทราบในขณะที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักทรัพย์นั้น 6.2 ในกรณีที่สมาชิกหรือเจ้าหน้าที่การตลาดจะทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในนามของตนเองกับลูกค้าที่ส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์นั้น เจ้าหน้าที่การตลาดต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ลูกค้าทราบเพื่อให้ลูกค้าได้พิจารณาว่าราคาซื้อขายหลักทรัพย์เป็นราคาที่ดีที่สุดสำหรับสภาพตลาดในขณะนั้น 7. การรักษาความลับของลูกค้า เจ้าหน้าที่การตลาดต้องไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือข้อมูลทางการเงินของลูกค้าให้ผู้อื่นทราบ อันอาจมีผลกระทบต่อผลประโยชน์หรือภาพพจน์ของลูกค้า เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากลูกค้าหรือเป็นเผยตามที่มีกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนดหมายเหตุ ประกาศนี้ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่การตลาดซึ่งได้รับใบอนุญาตตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าด้วยใบอนุญาตเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่การตลาดมีแนวทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในการปฏิบัติหน้าที่แทนสมาชิกเพื่อให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุนในหลักทรัพย์แก่ลูกค้า และสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างเหมาะสม ทั้งยังเป็นแนวทางสำหร้บสมาชิกในการดูแลการปฏิบัตงานของเจ้าหน้าที่การตลาดให้ได้มาตรฐานเดียวกัน