ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิต “บ. อาร์ ซี แอล” : องค์กรที่ระดับ “BBB+”และหุ้นกู้ไม่มีประกันที่ระดับ “BBB” แนวโน้ม “Negative”

ข่าวทั่วไป Friday February 11, 2011 09:18 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) ที่ ระดับ “BBB+” และยืนยันอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” โดย อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากการฟื้นตัวของการค้าโลก รวมถึงสถานะทางการ ตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจผู้ประกอบการขนส่งทางเรือระดับภูมิภาคอันเนื่องมาจากความได้เปรียบในเรื่องขนาดของกองเรือ ความ ถี่ในการให้บริการ และอายุเฉลี่ยของกองเรือที่ยังต่ำ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงคณะผู้บริหารของบริษัทที่มีความสามารถและ ประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวลดทอนบางส่วนจากธรรมชาติที่ผันผวนและการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจขนส่งทาง เรือ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ความเปราะบางของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่งฟื้นตัว และอุปทานส่วนเกินของเรือคาดว่าจะยัง คงกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในระยะสั้นและระยะปานกลางด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงผลประกอบการทางการเงินของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นแต่ยัง คงอ่อนตัว โดยที่บริษัทจะเผชิญกับความท้าทายในการปรับปรุงผลกำไรจากการดำเนินงานให้ได้ในช่วงที่ความสามารถในการขนส่ง สินค้ามีมากขึ้นและราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น แนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเป็น “Stable” หรือ “คงที่” หากบริษัทประสบความ สำเร็จในการปรับปรุงอัตราผลกำไรและสามารถสร้างกระแสเงินสดที่เพียงพอในการชำระคืนหนี้และดูแลมิให้วงเงินสินเชื่อผิด เงื่อนไขเกินกว่าระดับที่กำหนด ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากบริษัทไม่สามารถฟื้นกำไรจากการดำเนินงานจน สถานะสภาพคล่องลดต่ำลง

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทอาร์ ซี แอล เป็นผู้ประกอบการกองเรือสินค้าขนาดเล็กหรือเรือฟีดเดอร์ (Feeder Business) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จากข้อมูลทางสถิติของการท่าเรือสิงคโปร์และตัวแทนท้องถิ่นของ บริษัท บริษัทมีส่วนแบ่งสูงที่สุดในตลาดเรือขนส่งสินค้าขนาดเล็กระหว่างท่าเรือย่อยกับเรือเดินสมุทรในเส้นทางสิงคโปร์กับ ฟิลิปปินส์ กับมาเลเซีย และกับไทย ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความถี่ของการให้บริการต่อสัปดาห์และขนาดของกองเรือโดยเฉลี่ยที่มี ขนาดใหญ่ซึ่งสามารถขนส่งสินค้าได้เป็นจำนวนมาก บริษัทยังเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการ 30 รายที่มีกองเรือขนาดใหญ่ที่สุด โดย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2553 มีระวางบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสิ้น 54,570 ตู้ (Twenty-foot-equivalent Unit -- TEU) ซึ่งเป็นเรือของตนเองจำนวน 34 ลำและเรือเช่าระวาง 9 ลำ ความจุระวางในการบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัทเพิ่มขึ้น ประมาณ 2% จากระดับ ณ สิ้นปี 2552 อัตราการใช้ประโยชน์ของกองเรือสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 ปรับตัวดีขึ้น เป็น 115% จากระดับ 101% ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยการเพิ่มขึ้นสะท้อนถึงการฟื้นตัวของความต้องการขนส่งตู้ คอนเทนเนอร์อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก การที่เรือส่วนใหญ่ของบริษัทยังมีอายุน้อยโดยเฉลี่ยที่ประมาณ 11 ปีทำให้บริษัทได้ประโยชน์ในเรื่องของการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ต่ำ นอกจากนี้ การมีกองเรือ ขนาดใหญ่ยังทำให้ง่ายต่อการจัดตารางเวลาและความถี่ในการให้บริการมากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นซึ่งมีกองเรือที่มีขนาดเล็ก กว่า อย่างไรก็ตาม การมีเรือในครอบครองจำนวนมากทำให้บริษัทไม่ได้รับประโยชน์จากอัตราค่าเช่าเรือที่อยู่ในระดับต่ำในช่วง ปี 2552-2553

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือมีลักษณะเป็นวงจรที่ขึ้นและลงเป็นอย่างมากซึ่งกินเวลารอบละ ประมาณ 5-6 ปี อุปสงค์ของธุรกิจเดินเรือเกี่ยวข้องเป็นอย่างมากกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้า โดยที่ภาวะเศรษฐกิจโลก มีผลกระทบต่อธุรกิจกองเรือฟีดเดอร์ (Shipper-owned Container -- SOC) ในขณะที่การค้าภายในภูมิภาคเอเซียเป็นปัจจัย สำคัญที่มีอิทธิพลต่อธุรกิจเรือบริการขนส่งตู้สินค้าประจำเส้นทาง (Carrier-owned Container -- COC) ผลกระทบจากการ ชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดในปี 2552 โดยปริมาณการขนส่งของบริษัทลดลง 18% ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่ ปริมาณการขนส่งสินค้าของธุรกิจกองเรือฟีดเดอร์ลดลงอย่างมากถึง 27% ในปี 2552 การที่ภาวะเศรษฐกิจในประเทศแถบเอเซีย ยังคงเข้มแข็งกว่าในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าของธุรกิจเรือบริการขนส่งตู้สินค้าประจำเส้น ทางลดลงเพียง 9% ในปี 2552 อย่างไรก็ตาม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 ปริมาณการขนส่งสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของการค้าโลกและภาวะเศรษฐกิจในประเทศแถบเอเซียที่ยัง คงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อัตราค่าระวางของการขนส่งสินค้าทางเรือโดยเฉลี่ยของบริษัทปรับตัวลดลงอย่างมากจาก 201 ดอลลาร์ สหรัฐต่อตู้ในปี 2551 เป็น 176 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้ในปี 2552 ก่อนจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 190 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของปริมาณความต้องการขนส่งตู้สินค้าและการจัดการอุปทานส่วนเกินของระวาง บรรทุกสินค้าให้เหมาะสม อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนไหวและระวางการบรรทุกสินค้าที่คาดว่าจะเพิ่ม ขึ้นปีละประมาณ 9% ในช่วงปี 2554-2555 จะยังคงเป็นปัจจัยที่มีผลกดดันการขึ้นค่าระวาง

ปริมาณการขนส่งสินค้าและค่าระวางที่ลดลงอย่างมากในปี 2552 ส่งผลให้รายได้ของบริษัทลดลงถึง 27% เมื่อเทียบ กับปี 2551 โดยอยู่ที่ระดับ 14,321 ล้านบาท แม้ปริมาณการขนส่งสินค้าและค่าระวางจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 9 เดือน แรกของปี 2553 แต่รายได้ของบริษัทกลับเพิ่มขึ้นเพียง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ระดับ 11,588 ล้าน บาท ทั้งนี้เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม กำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้หลังปรับค่าเช่าดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 8.4% จากที่มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานต่อรายได้ที่ระดับ -9.0% ในปี 2552 เนื่องจากต้นทุนที่ลดลงประกอบกับปริมาณการขนส่งสินค้าและค่าระวางที่ปรับตัวสูงขึ้น

อัตราส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทลดลงจาก 54.6% ในปี 2552 เป็น 49.5% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 เนื่องจากบริษัทได้จ่ายชำระเงินกู้ยืมและเพิ่มทุนจำนวน 1,556 ล้านบาทในเดือนมิถุนายน 2553 ในขณะที่อัตราส่วนกำไร ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย (หลังปรับค่าเช่าดำเนินงาน) เพิ่มขึ้นจาก -2.3 เท่า ในปี 2552 เป็น 2.4 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 วงเงินสินเชื่อส่วนใหญ่ของบริษัทได้มีการกำหนดเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง กับผลประกอบการทางการเงินและหนี้สิน แม้ว่าผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น แต่บริษัทยังคงมีความเสี่ยงจากการที่อัตราส่วนทาง การเงินที่เป็นเงื่อนไขในวงเงินสินเชื่อจะเกินกว่าระดับที่กำหนด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทมีประวัติที่ดีจึงคาดว่าจะได้รับการ ผ่อนปรนจากเจ้าหนี้ ปัจจุบันบริษัทได้รับการผ่อนปรนในการดำรงอัตราส่วนทางการเงินที่เป็นเงื่อนไขในวงเงินสินเชื่อจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 จากเจ้าหนี้ 4 ราย และจนถึง 31 มีนาคม 2554 จากเจ้าหนี้ 2 ราย ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ

บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) (RCL)
อันดับเครดิตองค์กร:	                            คงเดิมที่ BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
RCL12OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555	คงเดิมที่ BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                             Negative (ลบ)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัด
อันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต
การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับ
ความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้
เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์
เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุ
ประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท
ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริ
สเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิด
ชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะ
ไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการ
จัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website:
http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ