ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ”ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday February 22, 2011 16:44 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนกระแสเงินสดจากการ ดำเนินงานที่สม่ำเสมอจากการมีจำนวนผู้โดยสารในระบบที่เพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มเติบโตยิ่งขึ้นเนื่องจากบริษัทเป็นผู้ให้บริการขนส่ง มวลชนระบบรางเพียงผู้เดียวในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการมีงบดุลที่แข็งแกร่งหลังออกจากแผน ฟื้นฟูกิจการด้วย ทว่าจุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการมีสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่จากโครงข่ายการให้บริการเพียงระบบ เดียว รวมถึงการมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่สูงในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า และการขยายสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ในโอกาสเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังประกาศยกเลิก“เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Developing” หรือ “ยังไม่ชัดเจน” ที่ ให้ไว้แก่อันดับเครดิตของบริษัทเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2553 ด้วยหลังจากที่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (บีที เอส กรุ๊ป) ประกาศแผนการลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท ทั้งนี้ บีทีเอส กรุ๊ป ได้เข้าถือหุ้นของบริษัทจำนวน 94.6% และเป็นผู้มี อำนาจเต็มในการควบคุมกิจการ ดังนั้นอันดับเครดิตของบริษัทจึงมีโอกาสได้รับแรงกดดันจากความเสี่ยงของบีทีเอส กรุ๊ป โดย พิจารณาตามหลักของความสัมพันธ์ของบริษัทแม่และบริษัทย่อย ซึ่งประมาณ 90% ของรายได้ของบีทีเอส กรุ๊ป ในปัจจุบันมา จากบริษัท จึงนับว่าบริษัทเป็นบริษัทย่อยหลักของบีทีเอส กรุ๊ป อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบีทีเอส กรุ๊ป มีโครงสร้างทางการเงินที่ อ่อนแอกว่าบริษัทจากการมีภาระหนี้ที่สูงกว่า ดังนั้น หากบีทีเอส กรุ๊ป มีสถานะเครดิตที่อ่อนแอลงก็อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตของ บริษัทในที่สุด

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะคงมาตรฐานการให้บริการที่ดี เพื่อรักษาจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการ โครงสร้างทางการเงินของบริษัทมีการปรับตัวดีขึ้นตามคาดซึ่งอยุ่ในเกณฑ์ของสถานะอันดับ เครดิต อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจได้รับแรงกดดันหากกลุ่มบริษัทมีรายได้ที่มีความผันผวนและมีโครงสร้างธุรกิจที่มีความ เสี่ยงมากขึ้น

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพก่อตั้งในปี 2535 โดยเป็นผู้ประกอบการเอกชนเพียงราย เดียวที่ลงทุนในโครงการระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย บริษัทได้รับสัมปทานเป็นเวลา 30 ปีจากกรุงเทพมหานครเพื่อก่อสร้าง และดำเนินการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพหรือระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสซึ่งเป็นระบบรางยกระดับที่เริ่มเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542 ระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสประกอบไปด้วยเส้นทาง 2 สายคือสายสีลมและสายสุขุมวิท ซึ่งให้บริการเป็นระยะทางรวม ทั้งสิ้น 25.7 กิโลเมตร โดยวิ่งผ่านถนนสีลม สาทร และสุขุมวิท และมีสถานีเชื่อมต่อระหว่าง 2 สายที่สถานีสยาม ระบบรถไฟฟ้า บีทีเอสเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดิน (ดำเนินการโดย บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)) ที่สถานีอโศก สถานีศาลาแดง และสถานีหมอชิต ความได้เปรียบในการแข่งขันของระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสอยู่ที่ความปลอดภัยเมื่อเทียบกับการเดินทางสาธารณะใน ระบบอื่น รวมถึงความสะดวก และตรงเวลา แม้ว่าความเสี่ยงทางการเมืองจะเป็นประเด็นกังวลสำหรับบริษัทที่ได้รับสัมปทานจาก ภาครัฐ แต่สัมปทานที่บริษัทได้รับถือว่าไม่ซับซ้อนและมีการบริหารที่ดี

บริษัทได้รับสิทธิในการจัดเก็บรายได้ค่าโดยสารรวมทั้งการให้เช่าพื้นที่และการโฆษณาในสถานีจำนวน 23 สถานี (ยกเว้นสถานีที่เปิดใหม่ 2 สถานี คือ สถานีกรุงธนบุรีและสถานีวงเวียนใหญ่ที่สายสีลม) สำหรับธุรกิจสื่อโฆษณานั้นบริษัทดำเนิน การโดยผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด นอกจากนี้ บริษัทยังขยายงานไปสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตามแนวรถไฟฟ้าผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท นูโว ไลน์ เอเจนซี่ จำกัด และ บริษัท บีทีเอส แอสเสท จำกัด ปัจจุบันบริษัทมีที่ดิน จำนวน 5 แปลง โดยทั้งหมดอยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างได้แก่โรงแรม 4 ดาวบนถนนสา ธรใต้และโครงการคอนโดมิเนียมบนถนนพหลโยธิน โดยโครงการโรงแรมคาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ในช่วงครึ่งหลังของปีบัญชี 2555 สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมนั้นเป็นการพัฒนาภายใต้ชื่อ “Abstracts” และคาดว่าจะโอนให้แก่ลูกค้าได้ภายในปีบัญชี 2556

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพประสบปัญหาทางการเงินมาตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการจากผลของ วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากการลดค่าเงินบาทในปี 2540 และจำนวนผู้โดยสารที่ต่ำกว่าประมาณการ ส่งผลทำให้บริษัทต้องเข้าสู่ กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ในปี 2549 โดยแผนการปรับโครงสร้างหนี้ได้ข้อสรุปในปี 2551 และบริษัทออกจากแผนในปี 2552 ในเดือนพฤษภาคม 2553 บีทีเอส กรุ๊ป (เดิมชื่อบริษัท ธนายง จำกัด (มหาชน)) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทได้ซื้อหุ้นจำนวน 94.6% ของบริษัทมูลค่ารวมทั้งสิ้น 40,034 ล้านบาทโดยวิธีการแลกหุ้นและจ่ายเงินสด

จำนวนผู้โดยสารของระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสเริ่มอยู่ในระดับคงตัวในปี 2547 เมื่อมีจำนวนผู้โดยสารถึงระดับ 100 ล้านเที่ยว ซึ่งใช้เวลา 4 ปีนับจากเริ่มให้บริการ ในรอบปีบัญชี 2553 จำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 144,474,280 เที่ยว เพิ่มขึ้น 6.28% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 395,820 เที่ยว อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันใน ช่วง 9 เดือนแรก (เมษายน-ธันวาคม)ของปีบัญชี 2554 ลดลงมาอยู่ที่ 384,913 เที่ยวเนื่องจากมีการหยุดเดินรถทั้งวันเป็น เวลา 8 วันและหยุดบางช่วงเวลาในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองในกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้โดยสารกลับคืนมาในเดือนมิถุนายน โดยมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 408,000 เที่ยว ทริสเรทติ้ง เชื่อว่าจำนวนผู้โดยสารของระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสจะเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลจากการขยายเส้นทางการให้บริการระบบรถไฟ ฟ้า ตลอดจนการขยายตัวของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส การจราจรบนท้องถนนที่ติดขัด และการขยาย ตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในประเทศ

สำหรับปีบัญชีสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2553 บริษัทมีรายได้ 4,782 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9% จากปีก่อน โดยมีรายได้ค่า โดยสารเป็นรายได้หลักอยู่ที่ 70.9% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารจากการเปิดให้บริการ ส่วนต่อขยายสายสีลมและรายได้จากการรับจ้างเดินรถในส่วนต่อขยายสายสีลม ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นครั้งแรก ในรอบ 5 ปีซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของค่าใช้จ่ายทางการเงินหลังจากการปรับโครงสร้างหนี้ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนิน งานก่อนค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 53.94% เปรียบเทียบกับ 52.42% เมื่อปีก่อน อัตราส่วนกำไรที่ดีขึ้นเป็นผลจากการมีค่าใช้ จ่ายในการซ่อมบำรุงที่ลดลงเนื่องจากการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ทั้งตัวรถและระบบรางได้แล้วเสร็จตั้งแต่ปีบัญชี 2552 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2554 ลดลงมาอยู่ที่ 51.35% ซึ่งเป็นผลมาจากการมีค่าใช้จ่ายในการขายและ บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้นซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปในการประชาสัมพันธ์แบรนด์ “Abstracts”

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทหลังการปรับโครงสร้างหนี้และเพิ่มทุนปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อ โครงสร้างเงินทุนลดลงจาก 121.5% ในปีบัญชี 2551 มาอยู่ที่ 40.74% ในปีบัญชี 2552 และเป็น 25.98% ในเดือนธันวาคม 2553 ความสามารถในการชำระหนี้ถึงแม้จะยังคงอ่อนแอแต่ก็ปรับตัวดีขึ้นตามคาด อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ย จ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจาก 0.99 เท่าในปีบัญชี 2552 มาอยู่ที่ 5.17 เท่าในปีบัญชี 2553 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับเพิ่มขึ้นจาก 8.21% มาอยู่ที่ 17.14% ในช่วงเดียวกัน อย่างไรก็ ตาม การมีแผนลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการทำให้คาดว่าบริษัทจะมีการใช้เงินลงทุนที่สูงกว่ากระแสเงิน สดจากการดำเนินงานในช่วงการก่อสร้างโครงการ ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทจะมา จากเงินได้จากการดำเนินงาน ทั้งนี้ แม้จะคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะไม่ปรับลดลงในระยะปานกลาง แต่ก็คาดว่าจะไม่เพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ — จบ

บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                        คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BTS128A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555                คงเดิมที่ A

BTS138A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556                คงเดิมที่
A
BTS148A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557                คงเดิมที่
A
BTS158A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558                คงเดิมที่
A
BTS168A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559                คงเดิมที่
A
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                       Stable (คงที่)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่า
ในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอ
แนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือ
ของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะ
อื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิ
ได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควร
ประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิต
นี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ
หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่
ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการ
กระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน
Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ