ทริสเรทติ้งจัดเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ “บ. ทรู คอร์ปอเรชั่น” ที่ “BBB-” พร้อมคงเครดิตองค์กร & หุ้นกู้มีประกันที่ “BBB”และคงเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันเดิม “BBB-”ด้วยแนวโน้ม “Negative”

ข่าวทั่วไป Wednesday March 16, 2011 13:28 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,800 ล้านบาทของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ในขณะเดียวกันก็คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีประกันของบริษัทที่ ระดับ “BBB” และหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดเดิมที่ระดับ “BBB-” พร้อมแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ด้วย โดยอันดับเครดิตของ หุ้นกู้ไม่มีประกันมีสถานะต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กร 1 ขั้นเนื่องจากลักษณะของความเป็นหุ้นกู้ที่ไม่มีหลักประกัน อันดับเครดิตดัง กล่าวสะท้อนถึงฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทจากการเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมแบบครบวงจรในประเทศ ไทย ตลอดจนคณะผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband) โทรศัพท์เคลื่อนที่ และโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวมีข้อจำกัดจากฐานะการเงินที่อ่อนแออันเป็น ผลมาจากการมีภาระหนี้จำนวนมาก ตลอดจนผลกระทบจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจหลัก ความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ ด้านโทรคมนาคม และความเสี่ยงในการกู้เงินเพื่อชำระหนี้ในอนาคต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงแนวโน้มความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการหาแหล่งเงินเพื่อชำระ คืนหนี้ของบริษัทลูกของบริษัทคือทรูมูฟในปี 2556 โดยความเสี่ยงดังกล่าวมาจากหุ้นกู้ที่ใกล้ถึงกำหนดไถ่ถอนซึ่งมีมูลค่าสูงมากเมื่อ เทียบกับกระแสเงินสดของบริษัทและจากความไม่แน่นอนของโครงสร้างธุรกิจของทรูมูฟหากบริษัทไม่ได้รับใบอนุญาต 3 จีก่อนที่ สัมปทานจะหมดอายุลง ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงได้ภายในเวลา 6-12 เดือนข้างหน้าหากบริษัทไม่มีแผนธุรกิจและการ เงินของทรูมูฟที่แน่นอนชัดเจน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอาจปรับเป็น “Stable” หรือ “คงที่” หากทรูมูฟสามารถบรรลุเงื่อนไขที่ ระบุข้างต้นได้ หรือหากสภาพตลาดและกฎระเบียบเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะยาว

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัททรู คอร์ปอเรชั่นเป็นผู้นำในการให้บริการโทรคมนาคมแบบครบวงจรของประเทศ ธุรกิจหลักของบริษัททั้ง 3 กลุ่มประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจโครงข่ายสายสัญญาณ (Wireline) ซึ่งดำเนินงานโดยทรูออนไลน์ กลุ่ม ธุรกิจไร้สาย (Wireless) หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยทรูมูฟ และกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก (Pay TV) โดยทรูวิชั่น ส์ ในปี 2553 ธุรกิจทั้ง 3 กลุ่มสร้างรายได้ให้แก่บริษัทในสัดส่วน 35% 50% และ 15% และสร้างรายได้ก่อนหักค่าเสื่อมราคาใน สัดส่วน 53% 34% และ 13% ตามลำดับ บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่เข้มแข็งในตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยส่วนแบ่งทางการ ตลาดทั้งประเทศที่ 33% และในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ 66% โดยความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งมาจากการมีเครือ ข่ายที่ครอบคลุมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โอกาสในการเติบโตของธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและการเพิ่มขึ้นอย่างรวด เร็วของผู้ใช้บริการน่าจะสามารถแทนที่รายได้ธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐานที่กำลังลดลงได้อย่างเต็มที่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้ สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทยังสะท้อนถึงการเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกรายใหญ่ที่สุด รวมทั้งเป็นผู้ให้ บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ 3 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งประเทศประมาณ 50% และ 24% ตามลำดับ ทั้งนี้ทั้งธุรกิจ โทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกที่ยังมีอัตราส่วนจำนวนผู้ใช้บริการต่อประชากรในระดับต่ำและบริการสื่อสารข้อมูลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถือเป็นธุรกิจสำคัญที่ยังคงสนับสนุนพื้นฐานทางธุรกิจและสถานะเครดิตให้แก่บริษัทในระยะปานกลาง

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัททรู คอร์ปอเรชั่นเผชิญกับความท้าทายจากภาวะแวดล้อมในการแข่งขันที่สูงเช่น เดียวกับผู้ประกอบธุรกิจโทรคมนาคมรายอื่น โดยเฉพาะในกลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและอัตรา ค่าบริการมีผลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้บริการเป็นอย่างมาก ในขณะที่ธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐานและบริการด้านเสียงสำหรับโทรศัพท์เคลื่อน ที่ก็อยู่ในภาวะอิ่มตัวซึ่งส่งผลให้รายได้ไม่เติบโตหรือถดถอยลง อีกทั้งยังได้รับผลกระทบในด้านลบจากกฎระเบียบที่ไม่แน่นอนด้วย

บริษัทมีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอโดยงบดุลมีภาระหนี้สูง อย่างไรก็ตาม รายได้และอัตราส่วนกำไรที่ค่อนข้างคงที่ ช่วยให้การคาดการณ์กระแสเงินสดของบริษัทในระยะปานกลางมีความแน่นอน รายได้ของบริษัท (ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC) น่าจะเติบโตประมาณ 3%-4% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจากธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมทั้งบริการสื่อสารข้อมูล ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ และรายได้จากการโฆษณาทางโทรทัศน์ แต่จะลดทอนลงบางส่วนจากรายได้ที่ค่อย ๆ ลดลงของธุรกิจ โทรศัพท์พื้นฐานและบริการด้านเสียงผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานค่อนข้างคงที่ที่ประมาณ 29%- 32% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทว่าอัตราส่วนกำไรจากทรูมูฟอาจผันผวนได้จากค่าเชื่อมต่อโครงข่ายเนื่องจากอัตราค่าใช้บริการใน ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วระหว่างการใช้บริการในและนอกเครือข่าย อัตราส่วนกำไรของบริษัทน่าจะได้รับ แรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มออนไลน์และอัตราส่วนแบ่งรายได้ของทรูมูฟที่จะปรับสูงขึ้นภายหลังเดือน กันยายน 2554 จาก 25% เป็น 30% ของรายได้จากค่าบริการ ณ สิ้นปี 2553 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงิน ทุนอยู่ในระดับสูงมากที่ 85.3% ทั้งนี้ บริษัทจะมีความเสี่ยงในเรื่องการหาแหล่งเงินกู้ใหม่ในปี 2556 เนื่องจากบริษัทมีภาระหนี้ที่ ถึงกำหนดชำระในระหว่างปี 2554-2555 จำนวน 5.8-5.9 พันล้านบาทต่อปี และจะเพิ่มขึ้นเป็น 21.9 พันล้านบาทในปี 2556 และ 17.3 พันล้านบาทในปี 2557 โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้ในการไถ่ถอนหุ้นกู้ของทรูมูฟ

บริษัททรู คอร์ปอเรชั่นได้ทำการซื้อหุ้นของกลุ่มบริษัทฮัทช์ในเดือนมกราคม 2554 ด้วยมูลค่า 6.3 พันล้านบาทโดยใช้ เงินทุนที่เป็นเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ การซื้อกิจการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยขยายระยะเวลาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทรู มูฟจากปี 2556 ไปจนกระทั่งถึงปี 2568 ซึ่งจะช่วยต่อยอดธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทรูมูฟหลังจากสัมปทานหมดอายุลงและจะ เสริมความแข็งแกร่งด้านความสามารถในการให้บริการข้อมูลจากการมีความกว้างของคลื่นความถี่ (Bandwidth) ที่เพิ่มขึ้นอีก 10 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ในคลื่นความถี่ย่าน 850 MHz ในขณะเดียวกัน การที่ทรูมูฟมีโครงสร้างธุรกิจที่เหมาะสมหลังจาก สัมปทานหมดอายุก็น่าจะช่วยลดแรงกดดันในการหาแหล่งเงินกู้เพื่อนำมาใช้ชำระคืนหนี้ในปี 2556-2557 อย่างไรก็ตาม ยังมีความ ไม่ชัดเจนว่าประเด็นข้อโต้แย้งด้านกฎหมายทั้งหลายจะส่งผลกระทบต่องบลงทุนขยายโครงข่าย 3 จีของบริษัทซึ่งตั้งไว้ที่ประมาณ 3-4 พันล้านบาทในปี 2554 อย่างไร ณ สถานะอันดับเครดิตในระดับปัจจุบัน บริษัทไม่สามารถที่จะเพิ่มภาระหนี้จำนวนมากได้อีก ต่อไปหากการลงทุนดังกล่าวไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดที่ชัดเจนและเหมาะสมในอนาคตได้ ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE)
อันดับเครดิตองค์กร:                                          คงเดิมที่ BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TRUE117A: หุ้นกู้มีประกัน 2,413 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554             คงเดิมที่
BBB
TRUE13NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	       คงเดิมที่ BBB-
TRUE144A: หุ้นกู้มีประกัน 6,183 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557	       คงเดิมที่ BBB
TRUE151A: หุ้นกู้มีประกัน 7,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558	       คงเดิมที่ BBB
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2557	BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                    Negative (ลบ)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่า
ในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอ
แนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือ
ของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะ
อื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิ
ได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควร
ประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิต
นี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ
หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่
ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการ
กระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน
Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ