บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของ บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) เป็น “Negative” หรือ “ลบ” จากเดิม “Stable” หรือ “คงที่” โดยการปรับแนวโน้มดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะเครดิตของบริษัทที่มีแนวโน้มถดถอยลงหลังการซื้อธุรกิจอาหารที่บริษัทไม่คุ้นเคย แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทหลังการลงทุนขนาดใหญ่ อันดับเครดิตมีโอกาสถูกปรับลดลงหากบริษัทต้องใช้เวลานานกว่าปกติในการบริหารจัดการธุรกิจที่ไม่คุ้นเคย ในขณะเดียวกัน แนวโน้มอันดับเครดิตจะสามารถปรับกลับมาเป็น “Stable” หรือ “คงที่” เช่นเดิมได้หากบริษัทสามารถบริหารธุรกิจอาหารได้อย่างราบรื่นและสามารถปรับปรุงฐานะการเงินให้กลับมาเข้มแข็งในระดับเดิมได้
ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคงยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของบริษัททรัพย์ศรีไทยที่ระดับ “BBB-” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ยาวนานของบริษัทในธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสารและการซื้อกิจการในธุรกิจถั่วเหลืองในช่วงที่ผ่านมา
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2554 บริษัททรัพย์ศรีไทยได้ประกาศจะซื้อหุ้นทั้งหมดของ Mudman Ltd. (Mudman) ตลอดจน ABP Caf? (Thailand) Co., Ltd. (ABP) และ Golden Donuts (Thailand) Co., Ltd. (GD) ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 1,320 ล้านบาท การลงทุนดังกล่าวจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขสำคัญบางประการ คือการซื้อหุ้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นของบริษัททรัพย์ศรีไทย รวมถึงต้องได้รับหนังสือยินยอมจากผู้ให้สิทธิในการประกอบธุรกิจร้านอาหาร
Mudman เป็นบริษัทที่ถือหุ้น 41% ใน ABP และ GD โดย ABP เป็นบริษัทเดียวที่ถือสิทธิในการประกอบธุรกิจอาหารภายใต้ตรา “Au Bon Pain” ในประเทศไทยซึ่งเป็นเครือข่ายร้านอาหารที่มีสาขาทั่วโลก ณ เดือนพฤษภาคม 2554 Au Bon Pain มีสาขารวม 43 สาขา โดย 38 สาขาตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วน GD เป็นบริษัทเดียวที่ถือสิทธิในการประกอบธุรกิจร้าน “Dunkin’ Donuts” ในประเทศไทย โดย “Dunkin’ Donuts” เป็นเครือข่ายร้านอาหารบริการด่วนที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก ณ เดือนพฤษภาคม 2554 Dunkin’ Donuts มีสาขา 201 แห่งทั่วประเทศ ในปี 2553 Au Bon Pain และ Dunkin’ Donuts มีรายได้รวม 1,150 ล้านบาท มากกว่ารายได้ของธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสาร รวมธุรกิจถั่วเหลืองซึ่งมีรายได้รวมกันประมาณปีละ 800 ล้านบาท
ภายหลังการลงทุนในครั้งนี้ ทริสเรทติ้งเห็นว่าฐานธุรกิจของบริษัททรัพย์ศรีไทยจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากรายได้หลักจะมาจากธุรกิจอาหารซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจที่บริษัทดำเนินการอยู่อันได้แก่ธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสาร ตลอดจนธุรกิจถั่วเหลือง นอกจากนี้ โครงสร้างทุนของบริษัทจะอ่อนแอลงอย่างชัดเจน โดยเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น 65% จากภาระหนี้ในเดือนกันยายน 2554 ที่อยู่ระดับ 1,299 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทจะต้องกู้เงินจากธนาคารเพิ่มอีก 850 ล้านบาทสำหรับการลงทุนในครั้งนี้ — จบ