ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร“บ. เอสโซ่ (ประเทศไทย)” ที่ระดับ “A+/Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday December 13, 2011 16:48 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทซึ่งเป็นที่ยอมรับในธุรกิจปิโตรเลียมในประเทศไทย ตลอดจนประสิทธิภาพของโรงกลั่นทั้งในด้านการกลั่นน้ำมันและการผลิตอะโรเมติกส์ ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่เข้มแข็ง และการสนับสนุนที่ดีจาก Exxon Mobil Corporation (ExxonMobil) และบริษัทในเครือ ทั้งนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความผันผวนในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี รวมถึงราคาน้ำมันและค่าการกลั่นที่มีความผันแปรสูง ตลอดจนเศรษฐกิจของโลกที่อ่อนแอลงด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะที่แข็งแกร่งทั้งในส่วนของผลประกอบการและการตลาดในธุรกิจปิโตรเลียมในประเทศไทยเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะดำรงสภาพคล่องให้เพียงพอและรักษาฐานะทางการเงินให้อยู่ในระดับที่ดีเพื่อรองรับความผันผวนของธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทในเครือ ExxonMobil โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทเป็น 1 ใน โรงกลั่น 34 แห่งของ ExxonMobil ทั่วโลก ปัจจุบันผู้ถือหุ้นของบริษัทประกอบด้วย ExxonMobil ในสัดส่วน 66% กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ในสัดส่วน 7.3% และนักลงทุนทั่วไป 26.7% บริษัทประกอบกิจการโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) ด้วยกำลังการผลิตสูงสุดที่ 177,000 บาร์เรลต่อวัน และมีส่วนแบ่งทางการตลาด 16% ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของไทย ในขณะที่มียอดขายผ่านสถานีบริการน้ำมันภายใต้ตราสัญลักษณ์ “เอสโซ่” จำนวน 2,500-3,000 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งคิดเป็น 15%-18% ของยอดขายปลีกน้ำมันในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า การดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรทั้งโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานอะโรเมติกส์ทำให้บริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) มีความยืดหยุ่นในการเลือกผลิตผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าระหว่างผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี และด้วยเทคโนโลยีและการดำเนินงานตามปรัชญาของ ExxonMobil จึงส่งผลให้โรงกลั่นของบริษัทได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและมีหน่วยผลิตที่มีความพร้อมสูงในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับประโยชน์จากขีดความสามารถระดับโลกของ ExxonMobil ในการจัดหาน้ำมันดิบและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทด้วย ในปี 2553 ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของบริษัทประกอบด้วยน้ำมันดีเซล 35.3% น้ำมันเบนซิน 19.4% รีฟอร์เมต 13.0% น้ำมันเตา 10.5% น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน 7.8% และอื่น ๆ 14.0% ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันนั้น บริษัทเป็นผู้จำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการรายใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก ปตท. โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่จัดจำหน่ายผ่านสถานีบริการประมาณ 15%-18% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 69.8% เพิ่มขึ้นจากระดับ 68.0% ในช่วงเดียวกันของปี 2553 อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตของบริษัทจะลดลงในช่วงที่เหลือของปี 2554 เนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 เป็นระยะเวลา 2 เดือนเพื่อทำการซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนและต่อเชื่อมระบบของโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเพื่อปฎิบัติตามกฎระเบียบใหม่ (EURO IV) ที่จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 การผลิตพาราไซลีนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 284,000 ตันในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 เพิ่มขึ้น 27.4% จากช่วงเดียวกันของปี 2553 ซึ่งเป็นผลมาจากราคาของพาราไซลีนที่เพิ่มขึ้นทั้งอุตสาหกรรม

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทมียอดขาย 163,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 เนื่องจากผลของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยยอดขาย 88% มาจากธุรกิจการกลั่นและจัดจำหน่ายน้ำมัน ส่วนอีก 12% มาจากธุรกิจปิโตรเคมี ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นทั้งอุตสาหกรรมเนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ประกอบกันอุปทานน้ำมันดิบที่ตึงตัวจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลางและอาฟริกาเหนือ ค่าการกลั่นของบริษัทสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 ที่ 5.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อเทียบกับ 2.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงเดียวกันของปี 2553 นับว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวได้ส่งผลต่ออุปสงค์น้ำมันตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ค่าการกลั่นอาจจะได้รับผลกระทบไม่มากนักจากการที่โรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาคมีการหยุดซ่อมบำรุงในระยะนี้ รวมถึงความต้องการน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อใช้ในฤดูหนาว

ฐานะทางการเงินของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทมีกำไรสุทธิ 3,098 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับขาดทุนสุทธิจำนวน 195 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2553 ณ เดือนกันยายน 2554 บริษัทมีเงินกู้รวม 31,739 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 54.4% ทั้งนี้ คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะดีขึ้นหลังจากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงให้ได้ตามมาตรฐาน Euro IV แล้วเสร็จในปลายปีนี้และบริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วง 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า บริษัทมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งจากการมีวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนมูลค่า 54,000 ล้านบาทจากกลุ่มบริษัท ExxonMobil ซึ่งจะช่วยรองรับภาวะผันผวนของราคาสินค้าทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีได้

เหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในเขตภาคกลางของประเทศไทยส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 โดยสถานีบริการน้ำมันประมาณ 20% และคลังจ่ายน้ำมันประมาณ 12% ของบริษัทต้องหยุดการดำเนินงานเป็นการชั่วคราวเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม ทั้งนี้ คาดว่าผลกระทบจากอุทกภัยที่มีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจะมีเพียงเล็กน้อยเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มคลี่คลายลง และสถานีบริการน้ำมันของบริษัทส่วนใหญ่ รวมถึงคลังจ่ายน้ำมันเริ่มกลับมาดำเนินการตามปกติได้ อุปสงค์น้ำมันในประเทศไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 คาดว่าจะอ่อนตัวลงเนื่องจากผลกระทบจากอุทกภัยซึ่งทำให้ภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่งต้องหยุดดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม คาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันจะฟื้นตัวในไตรมาสถัด ๆ ไป ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html








เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ