ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “กรุงเทพมหานคร” ที่ “AA+/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday October 19, 2012 09:01 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของกรุงเทพมหานครที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานภาพของเขตกรุงเทพมหานครในฐานะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงแหล่งรายได้ที่แน่นอนจากภาษีอากร รวมทั้งการบริหารงบประมาณที่มีประสิทธิภาพภายใต้นโยบายงบประมาณแบบสมดุล และฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจากการมีภาระหนี้สินที่ต่ำและการดำรงเงินสะสมในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวลดทอนลงจากความต้องการในการลงทุนเป็นอย่างมากในโครงการด้านสาธารณูปโภคและระบบขนส่งมวลชน ตลอดจนภาระทางการเงินที่อาจเพิ่มขึ้นจากการถ่ายโอนภารกิจจากรัฐบาลกลางให้แก่กรุงเทพมหานครภายใต้นโยบายการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในขณะที่กรุงเทพมหานครมีข้อจำกัดในการจัดหาแหล่งรายได้เพิ่ม นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่จะต้องติดตามความคืบหน้าด้วยเช่นกัน เช่น การนำเสนองบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบภายในกรอบเวลาที่เหมาะสม การบริหารจัดการหนี้สินและการลงทุนให้มีความสอดคล้องกับระดับรายได้ และการพัฒนากรอบวินัยในการบริหารหนี้ให้เป็นรูปธรรม ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการมีแหล่งรายได้ที่แน่นอนและนโยบายการบริหารงบประมาณแบบสมดุลของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ากรุงเทพมหานครจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลางอย่างต่อเนื่องตลอดไป อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครจะต้องรักษาวินัยทางการเงินเพื่อให้สามารถบริหารงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพและคงความแข็งแกร่งทางการเงินให้อยู่ในระดับสูง รวมถึงการลงทุนและการก่อหนี้ในอนาคตก็จะต้องได้รับการศึกษาและวางแผนอย่างรอบคอบให้เหมาะสมกับระดับรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของกรุงเทพมหานครด้วยเช่นกัน

ทริสเรทติ้งรายงานว่า กรุงเทพมหานครมีฐานะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีหน้าที่บริหารราชการและบริหารจัดการกิจการสาธารณูปโภคเพื่อให้บริการแก่ผู้อยู่อาศัยและผู้ประกอบกิจการในเขตกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศ ในปี 2553 กรุงเทพมหานครมีผลิตภัณฑ์มวลรวมรายจังหวัด (Gross Provincial Product — GPP) สูงที่สุดในประเทศ ด้วยมูลค่า 3.14 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 29% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product — GDP) ในด้านการเงินการคลังนั้น กรุงเทพมหานครมีรายได้หลักโดยประมาณ 92%-95% มาจากภาษีอากร โดยเป็นภาษีอากรที่กรุงเทพมหานครจัดเก็บเองประมาณ 20% และส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ประมาณ 69%-76% ภาษีอากรที่กรุงเทพมหานครจัดเก็บเองกว่า 90% มาจากภาษีโรงเรือนและที่ดิน ในขณะที่ภาษีที่ส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ประมาณครึ่งหนึ่งมาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีภาษีหรือค่าธรรมเนียมรถยนต์และภาษีหรือค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 23% และ 18% ตามลำดับในปีงบประมาณ 2554 อย่างไรก็ตาม สัดส่วนภาษีหรือค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมต่อภาษีที่ส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ทั้งหมดลดลงเหลือประมาณ 10% ในระหว่างปีงบประมาณ 2552-2553 อันเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลซึ่งเป็นการลดภาษี/ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ปัจจุบันมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวหมดอายุไปแล้วเมื่อปีงบประมาณ 2554 ทั้งนี้ ภาษีอากรนับว่าเป็นแหล่งรายได้ที่มีความแน่นอนสูงของกรุงเทพมหานครแม้จะมีความผันผวนอยู่บ้างตามภาวะเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาลกลาง

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2554 เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้กรุงเทพมหานครได้รับจัดสรรภาษีจากรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น โดยกรุงเทพมหานครจัดเก็บรายได้คิดเป็น 125% ของประมาณการรายได้รวมจำนวน 46,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 24% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาษีที่ส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้เพิ่มขึ้นกว่า 32% จากปีก่อน ในขณะที่กรุงเทพมหานครมีค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน จึงส่งผลให้เงินสะสมของกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้นจาก 17,046 ล้านบาท ณ สิ้นปีงบประมาณ 2553 เป็น 20,144 ล้านบาท ณ สิ้นปีงบประมาณ 2554 แม้กรุงเทพมหานครจะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2554 แต่ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2555 การฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจหลังอุทกภัย ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีรายได้ของกรุงเทพมหานครปรับตัวสูงขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันในปีงบประมาณ 2554 เหตุการณ์อุทกภัยทำให้ กรุงเทพมหานครตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมจำนวน 15,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2555 โดยส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในการลงทุนและปรับปรุงระบบระบายน้ำ กรุงเทพมหานครมีภาระหนี้สินเพิ่มสูงขึ้นจากภาระการกู้เงินของบริษัทลูกคือ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เพื่อใช้ในการลงทุนก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยายสีลม (ตากสิน-เพชรเกษม) และภาระผูกพันจากสัญญาว่าจ้าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) ให้เป็นผู้รับจ้าง จัดหา และให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครเป็นระยะเวลา 30 ปี โดยทริสเรทติ้งจะพิจารณามูลค่าปัจจุบันของค่าจัดหาขบวนรถไฟฟ้าเป็นภาระหนี้ ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2555 ฐานะทางการเงินของกรุงเทพมหานครคาดว่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากรายจ่ายและภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี กรุงเทพมหานครมีการดำรงสภาพคล่องในระดับที่น่าพอใจโดยมีเงินสะสมในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง

แม้ในเขตกรุงเทพมหานครจะมีระดับการพัฒนาที่ก้าวหน้ากว่าท้องถิ่นอื่น แต่ก็ยังคงมีความต้องการในการพัฒนาด้านสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของประชากรจำนวนมาก รวมทั้งเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เอื้อประโยชน์ต่อภาคเศรษฐกิจและการลงทุนในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของประเทศ กิจการสาธารณูปโภคต่าง ๆ มีทั้งที่กรุงเทพมหานครริเริ่มดำเนินการเองและที่ได้รับการถ่ายโอนภารกิจมาจากรัฐบาลภายใต้นโยบายการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้กรุงเทพมหานครมีความต้องการเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายผูกพันในอนาคตจำนวนมาก ถึงแม้กรุงเทพมหานครจะได้รับเงินอุดหนุนรายปีจากรัฐบาลเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการต่าง ๆ เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็อาจไม่เพียงพอ อีกทั้งกรุงเทพมหานครยังมีแผนการลงทุนในโครงการระบบขนส่งมวลชนที่ต้องการเงินลงทุนสูง ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ลงทุนผ่านบริษัทกรุงเทพธนาคม ทริสเรทติ้งคาดหวังว่ากรุงเทพมหานครจะดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ โดยผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบทั้งในด้านกฎหมายและในด้านการเงินอย่างมีนัยสำคัญ ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

กรุงเทพมหานคร (BMA)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ AA+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ