ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป” ที่ “A-/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday January 11, 2013 16:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำในธุรกิจโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย ตลอดจนการมีโรงภาพยนตร์ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี และคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ปริมาณของภาพยนตร์ที่เข้าฉาย ความเป็นที่นิยมของภาพยนตร์ ตลอดจนระยะเวลาการฉายในโรงที่สั้นลงก่อนที่จะผลิตเป็นวิดีโอซีดี/ดีวีดี การแข่งขันจากกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ และการแพร่ระบาดของวิดีโอซีดี/ดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะผู้นำตลาดในธุรกิจโรงภาพยนตร์และรักษาผลประกอบการให้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเอาไว้ได้ โดยที่การลงทุนในอนาคตหรือการจ่ายเงินปันผลควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบและจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและสภาพคล่องของบริษัทอย่างรุนแรงด้วย

บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เป็นผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 80% โดยพิจารณาจากรายได้รวมของภาพยนตร์ที่เข้าฉายในสัปดาห์แรก บริษัทก่อตั้งในปี 2537 โดยนายวิชา พูลวรลักษณ์ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 36% บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่งและคาราโอเกะ สื่อและโฆษณา การให้เช่าพื้นที่และบริการ รวมถึงการจัดจำหน่ายวิดีโอซีดี/ดีวีดีและลิขสิทธิ์ภาพยนตร์

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 บริษัทดำเนินกิจการโรงภาพยนตร์ 55 แห่ง ด้วยจำนวนจอภาพยนตร์ทั้งสิ้น 409 จอและที่นั่งมากกว่า 98,000 ที่นั่ง โดย ณ ปัจจุบันมีโรงภาพยนตร์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 26 แห่งและในต่างจังหวัด 29 แห่ง บริษัทมีสาขาโบว์ลิ่งและคาราโอเกะจำนวน 24 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยโบว์ลิ่ง 438 รางและห้องคาราโอเกะ 270 ห้อง นอกจากนี้ บริษัทยังบริหารจัดการพื้นที่ให้เช่าขนาด 50,820 ตารางเมตร (ตร.ม.) ด้วย สำหรับในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงนั้น บริษัทขยายโรงภาพยนตร์ไปยังแหล่งศูนย์กลางธุรกิจและชุมชนสำคัญหลายแห่งโดยใช้ตราสัญลักษณ์หลากหลายเพื่อดึงดูดลูกค้าหลาย ๆ กลุ่ม

ผลประกอบการของบริษัทได้รับแรงหนุนบางส่วนจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ โดยรายได้จากการเข้าชมภาพยนตร์ขึ้นอยู่กับจำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉาย รวมถึงคุณภาพและความเป็นที่นิยมของภาพยนตร์ด้วย โดยการชมภาพยนตร์ในโรงเป็นความบันเทิงในรูปแบบที่มีราคาไม่แพงและสามารถเข้าถึงได้ง่ายโดยเฉพาะเมื่อมีโรงภาพยนตร์ครอบคลุมทั่วประเทศ ปัจจัยที่เป็นผลกระทบด้านลบต่อธุรกิจโรงภาพยนตร์คือการแพร่ระบาดของวิดีโอซีดี/ดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์และระยะเวลาการฉายในโรงที่สั้นลงก่อนที่จะผลิตเป็นวิดีโอซีดี/ดีวีดีซึ่งอาจลดทอนความต้องการชมภาพยนตร์นอกบ้าน อย่างไรก็ตาม การออกไปชมภาพยนตร์ในโรงยังคงเป็นวิถีชีวิตที่มีเสน่ห์และยังไม่มีกิจกรรมสันทนาการใดที่สามารถทดแทนประสบการณ์จากการชมภาพยนตร์ในโรงได้อย่างสมบูรณ์

ผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ส่งผลให้โรงภาพยนตร์บางสาขาของบริษัทต้องปิดลงชั่วคราว กระนั้นบริษัทก็ยังมีรายได้รวมถึง 6,748 ล้านบาทในปี 2554 เพิ่มขึ้น 12% จากปีที่ผ่านมา การเติบโตที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากรายได้จากการฉายภาพยนตร์ที่ดีขึ้นอย่างมากทั้งภาพยนตร์ไทยและภาพยนตร์จากฮอลลีวูด เช่น Transformers 3 รวมถึง Harry Potter and the Deathly Hallows Part II ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 3 และ 4 และรายได้จากธุรกิจโฆษณาเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทมีรายได้รวมลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา คิดเป็น 5,181 ล้านบาทเนื่องจากรายได้จากธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะลดลงและจำนวนภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมลดลง ในปี 2555 มีภาพยนตร์ไทยเพียงเรื่องเดียวที่สามารถสร้างรายได้เกิน 100 ล้านบาท ภาพยนตร์จากฮอลลีวูดที่ได้รับความนิยมก็มีจำนวนน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2554 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจภาพยนตร์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดและกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ส่วนธุรกิจอื่น ๆ ของบริษัทนั้นนับว่ามีความอ่อนไหวตามภาวะเศรษฐกิจมากกว่า เช่น ธุรกิจโฆษณา อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโฆษณาสามารถสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่ำ บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ระดับ 29% ในปี 2553-2554 แต่ลดลงสู่ระดับ 26.6% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เนื่องจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงในธุรกิจการจัดจำหน่ายวิดีโอซีดี/ดีวีดีและลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ตลอดจนการให้เช่าพื้นที่และบริการ ในปี 2555 บริษัทได้ให้ส่วนลดค่าเช่าสำหรับผู้เช่าบางรายที่ได้ผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมด้วย

หนี้สินรวมของบริษัทปรับตัวลดลงจาก 3,530 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2553 สู่ระดับ 2,987 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 และระดับ 2,870 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 เนื่องจากมีการจ่ายคืนหนี้เงินกู้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทลดลงจาก 58.3% ในปี 2553 สู่ระดับ 54.7% ในปี 2554 และอยู่ที่ระดับ 50.3% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 โดยที่ระดับเงินกู้รวมของบริษัทคาดว่าจะไม่ลดลงในระยะปานกลาง ในปี 2556 บริษัทมีแผนการขยายจำนวนจอภาพยนตร์อีกไม่น้อยกว่า 100 จอซึ่งมากกว่าในช่วงปี 2552-2554 ที่ระดับ 30-40 จอต่อปี โดยจะจัดสรรงบลงทุนประมาณ 1,300 ล้านบาทในปี 2556 สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเงินทุนจากการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 1,306 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 1,558 ล้านบาทในปี 2554 และอยู่ที่ 976 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับตัวดีขึ้นจาก 19.6% ในปี 2553 เป็น 25.2% ในปี 2554 และ 18.1% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายก็ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 4.0 เท่าในปี 2553 เป็น 4.2 เท่าในปี 2554 และอยู่ที่ระดับ 4.5 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555

บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                 A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MAJOR178A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560        A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                               Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ