ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย” ที่ “BBB” หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ที่ “BBB-” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ที่ “BBB-&r

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 30, 2015 09:50 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB-” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB-” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระหนี้เดิมที่จะครบกำหนดและใช้ลงทุนตามแผน อันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreement – PPA) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer – SPP) ที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากอัตราการก่อหนี้ในระดับสูงของบริษัทและการทำรายการระหว่างบริษัทในกลุ่ม

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถเดินเครื่องโรงไฟฟ้าได้อย่างราบรื่นซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากธุรกิจไฟฟ้า ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทจะอยู่ในระดับปกติและโครงสร้างเงินทุนจะอยู่ในระดับเหมาะสมในระยะยาว

อันดับเครดิตอาจปรับขึ้นได้หากฐานะการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงข้าม อันดับเครดิต และ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าลดลงและส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัท หรือบริษัทมีการลงทุนที่ใช้เงินกู้เป็นจำนวนมากจนทำให้สถานะการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลง

บริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวลในประเทศไทย โดยมีบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 25.5% ณ เดือนสิงหาคม 2558 ภายในสิ้นปี 2558 บริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) มีแผนจะจำหน่ายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ดังกล่าวให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) คือกลุ่มคุณโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ในซึ่งปัจจุบันถือหุ้นบริษัทอยู่ 64.5% และถือหุ้นในบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) อยู่ 76.2% บริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้าชีวมวลและถ่านหินรวม 9 แห่งภายใต้โครงการ SPP ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 601 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำ 1,180 ตันต่อชั่วโมง โรงไฟฟ้าของบริษัทตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา นอกจากธุรกิจไฟฟ้าแล้ว บริษัทยังได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานและธุรกิจสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านแหล่งเชื้อเพลิงและเพื่อลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วย โดยบริษัทได้ลงทุนในธุรกิจผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังขนาดกำลังการผลิต 500,000 ลิตรต่อวัน ลงทุนในธุรกิจน้ำมันรำข้าวและธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำให้แก่ลูกค้าในสวนอุตสาหกรรม นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงทุนในธุรกิจสนับสนุนการปลูกต้นยูคาลิปตัส (ต้นพลังงาน) รวมถึงธุรกิจวิจัยและพัฒนาพันธุ์ไม้ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงด้วย บริษัทยังลงทุนซื้อสิทธิในการทำเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย อีกทั้งยังลงทุนในธุรกิจให้บริการขนส่งถ่านหินและชีวมวล รวมถึงธุรกิจทุ่นขนถ่ายสินค้ากลางทะเลด้วย

ธุรกิจไฟฟ้าเป็นแหล่งรายได้และแหล่งกำไรหลักของบริษัท โดยในปี 2557 และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทในสัดส่วน 80%-85% มาจากธุรกิจไฟฟ้า ในขณะที่ 15%-20% มาจากธุรกิจอื่น ๆ

บริษัทมีสัญญา PPA อายุ 25 ปีกับ กฟผ. คิดเป็นสัดส่วน 50% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัท บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำส่วนที่เหลือภายใต้สัญญาระยะยาวให้แก่กลุ่มบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) และจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในสวนอุตสาหกรรมในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทราด้วย โรงไฟฟ้าของบริษัทได้รับการออกแบบให้ใช้เชื้อเพลิงถ่านหินและชีวมวล แม้การใช้เชื้อเพลิงชีวมวลจะมีความได้เปรียบด้านต้นทุนและมีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้เชื้อเพลิง แต่โรงไฟฟ้าชีวมวลก็ต้องการการบำรุงรักษามากกว่าและมีความเสี่ยงจากการสึกหรอของเครื่องจักรอุปกรณ์ในอัตราที่สูงกว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินหรือก๊าซเป็นเชื้อเพลิง

โรงไฟฟ้าของบริษัทมีการดำเนินงานที่ราบรื่นในช่วงปี 2557 โดยระดับความพร้อมจ่ายเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าในปี 2557 ดีขึ้นเป็น 88.5% ในขณะที่อัตราการหยุดซ่อมฉุกเฉินอยู่ที่ระดับ 3.6% เมื่อเทียบกับ 3.9%-5.3% ในปี 2554-2556 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 แม้โรงไฟฟ้าถ่านหินของบริษัทยังมีการดำเนินงานที่ราบรื่น แต่โรงไฟฟ้าชีวมวล 4 แห่งของบริษัทประสบปัญหาเครื่องจักรสูงกว่าปกติ ส่งผลให้อัตราการหยุดซ่อมฉุกเฉินเพิ่มขึ้นเป็น 9.1% เทียบกับค่าเฉลี่ย 3.6%-5.3% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในส่วนการหยุดซ่อมฉุกเฉิน 9.1% นั้น การหยุดซ่อมส่วนหนึ่ง (3.2%) เกิดจากอุบัติเหตุซึ่งอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของบริษัทประกันภัย การปิดซ่อมตามแผนของบริษัทอยู่ในระดับปานกลางที่ 9.8% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 เทียบกับ 7.9%-11.5% ในช่วงปี 2554-2556 ทำให้ระดับความพร้อมจ่ายเฉลี่ยในครึ่งแรกของปี 2558 ลดลงเป็น 81.1% เทียบกับ 83.3%-88.5% ในระหว่างปี 2554-2557 ปัญหาทางด้านเครื่องจักรทำให้ปริมาณการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำของบริษัทลดลง 15.1% เป็น 1,419 ล้านหน่วย (GWhe) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558

ผลประกอบการของบริษัทอยู่ในระดับที่ดีในปี 2557 จากการดำเนินงานที่ราบรื่นของโรงไฟฟ้า รวมทั้งจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายไฟฟ้า และต้นทุนเชื้อเพลิงถ่านหินที่ลดลง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายของบริษัทอยู่ที่ 28.1% ในปี 2557 เทียบกับระดับ 23.0%-29.3% ในปี 2554-2556 EBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 4,314 ล้านบาทในปี 2557 จาก 3,392 ล้านบาทในปี 2555 และ 4,018 ล้านบาท ในปี 2556 อย่างไรก็ตาม กำไรของบริษัทลดลงในครึ่งแรกของปี 2558 โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายของบริษัทลดลงเป็น 22.7% ในครึ่งแรกของปี 2558 เทียบกับ 33.0% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัญหาเครื่องจักรทำให้อัตรากำไรของบริษัทลดลง นอกจากนี้ อัตรากำไรยังลดลงเนื่องจากราคาขายไฟฟ้าที่ขายให้ EGAT และลูกค้าในสวนอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงตามการลดลงของราคาน้ำมันเตา ถ่านหิน และก๊าซซึ่งปรับตัวลดลง 28.7% 15.0% และ 6.0% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาขายไฟฟ้าลดลงมากกว่าประโยชน์ที่บริษัทได้รับจากต้นทุนถ่านหินที่ลดลง ธุรกิจอื่น ๆ ของบริษัทก็มีผลประกอบการที่ลดลงเช่นกันยกเว้นธุรกิจเอทานอล ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 EBITDA ของบริษัทเท่ากับ 1,436 ล้านบาท ลดลง 46.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เงินกู้รวมของบริษัทยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 22,135 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 จาก 16,902 ล้านบาทในปี 2556 เนื่องจากการลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าใหม่ 2 แห่งซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 223 เมกะวัตต์และการเพิ่มการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังอีก 1 สายการผลิต บริษัทได้จ่ายเงินปันผลรวมจำนวน 1,240 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 ทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 69.2% ณ เดือนมิถุนายน 2558 เทียบกับ 64.1% ณ เดือนธันวาคม 2556 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจึงปรับตัวลดลงเป็น 2.3 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 จากระดับเฉลี่ย 4 เท่าในปี 2556-2557 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงเป็น 10.9% (ปรับเป็นตัวเลขเต็มปีด้วยผลการดำเนินงาน 12 เดือนย้อนหลัง) เทียบกับอัตราเฉลี่ยระดับ 18% ในปี 2556-2557

บริษัทมีเงินมัดจำจ่ายเพื่อซื้อที่ดินแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวน 1,786 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2556 ในปี 2557 บริษัทย่อยของบริษัทได้ทำสัญญาจะซื้อที่ดินรวม 282 ไร่จากบริษัทที่เกี่ยวข้องโดยบริษัทตกลงจะซื้อที่ดินในราคา 706 ล้านบาทและได้จ่ายเงินมัดจำจำนวน 680 ล้านบาท เงินมัดจำลดลงจำนวน 304 ล้านบาทในระหว่างปีจากการโอนที่ดินบางส่วน ณ เดือนมิถุนายน 2558 บริษัทมีเงินมัดจำจ่ายเพื่อซื้อที่ดินแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องรวม 2,171 ล้านบาท

คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2559 เมื่อโรงไฟฟ้ากลับมาเดินเครื่องในระดับปกติ บริษัทมีแผนจะปรับประเภทของเชื้อเพลิงและการบริหารจัดการเชื้อเพลิง อีกทั้งยังมีแผนตรวจสอบเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อให้การเดินเครื่องโรงไฟฟ้ามีเสถียรภาพมากขึ้น ในขณะที่รายได้ของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตจากโรงไฟฟ้าใหม่ 2 แห่ง โดยโรงไฟฟ้าขนาด 98 เมกะวัตต์ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 ส่วนโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 อยู่ระหว่างการทดสอบเครื่องจักรซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในต้นปี 2559 ในส่วนของการกู้ยืมนั้นน่าจะลดลงเนื่องจากการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทดำเนินการเสร็จสิ้นและการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินภายใต้โครงการ IPP (Independent Power Producer) เลื่อนออกไป ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของบริษัทจะลดลงจาก 3,000 ล้านบาทในปี 2558 เหลือ 800-1,200 ล้านบาทในปี 2559-2560 จากประมาณการ EBITDA ที่ระดับ 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปีคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานน่าจะเพียงพอที่จะรองรับการลงทุนดังกล่าว

บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายจำกัด (มหาชน) (NPS)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
NPS171A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,718 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB-
NPS184A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB-
NPS19OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 BBB-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2565 BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ