ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. การบินไทย” เป็น “A” จาก “A+” และปรับแนวโน้ม เป็น “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 12, 2016 17:12 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็น “A” จากระดับ “A+” และเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น ”Stable” หรือ “คงที่” จาก “Negative” หรือ “ลบ” โดยอันดับเครดิตที่ลดลงสะท้อนถึงฐานะทางการเงินของบริษัทที่อ่อนตัวลงจากผลการดำเนินงานที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องและภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทที่ปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญตามแผนการปฏิรูปธุรกิจจะใช้เวลามากกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมการบิน ตลอดจนความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่าง ๆ และความผันผวนของราคาน้ำมันด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากสถานะการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการบินของไทยโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดและให้บริการที่มีคุณภาพดี โดยอันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทซึ่งสะท้อนถึงการสนับสนุนจากภาครัฐในฐานะที่บริษัทเป็นรัฐวิสาหกิจและสายการบินแห่งชาติ ทั้งนี้ รัฐบาลถือหุ้นในบริษัท 53% โดยผ่านกระทรวงการคลัง 51% และผ่านธนาคารออมสิน 2% ในขณะที่หุ้นของบริษัทในสัดส่วน 15.1% ที่ถือโดยกองทุนวายุภักษ์นั้นจัดเป็นการถือหุ้นโดยผู้ลงทุนภาคเอกชนแม้ว่ากองทุนวายุภักษ์จะได้รับการจัดตั้งโดยกระทรวงการคลังก็ตาม ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นหรือการสนับสนุนจากรัฐบาลอาจส่งผลต่ออันดับเครดิตของบริษัท ทริสเรทติ้งเชื่อว่ารัฐบาลมีการติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างใกล้ชิดและจะให้การสนับสนุนที่เข้มแข็งและทันการณ์โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่บริษัทเผชิญกับปัญหาด้านการเงิน

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะฟื้นตัวและสร้างผลกำไรในปีที่จะถึงนี้ได้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากอัตราการทำกำไรของบริษัทอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง หรือหากทริสเรทติ้งเชื่อว่าระดับการสนับสนุนจากรัฐบาลจะลดลง อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากผลการดำเนินงานของบริษัทฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 5 เท่าอย่างต่อเนื่อง

บริษัทการบินไทยเป็นหนึ่งในสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเซียซึ่งให้บริการการบินเต็มรูปแบบและให้บริการสายการบินคุณภาพระดับกลางผ่านบริษัทย่อยภายใต้ชื่อ “ไทยสมายล์” โดยในเดือนกันยายน 2558 บริษัทให้บริการเส้นทางการบินระหว่างประเทศ ณ สนามบินปลายทาง 63 แห่งทั่วโลก ด้วยเที่ยวบินจำนวน 667 เที่ยวต่อสัปดาห์ และให้บริการเส้นทางการบินในประเทศ ณ สนามบินปลายทาง 11 แห่ง ด้วยเที่ยวบินจำนวน 441 เที่ยวต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้นในสัดส่วน 39.2% ใน บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทยด้วย

บริษัทเริ่มโครงการปรับฝูงบินให้ทันสมัยขึ้นในปี 2554 ซึ่งส่งผลให้ต้องใช้งบลงทุนในระดับสูงและต้องกู้ยืมเงินเพื่อใช้สำหรับโครงการดังกล่าว โครงการดังกล่าวจะสิ้นสุดในปี 2561 ซึ่งบริษัทยังมีเครื่องบินที่รอรับส่งมอบในระหว่างปี 2559-2561 จำนวน 14 ลำ อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่าง ๆ หลายเหตุการณ์ ในขณะที่บริษัทมีความยืดหยุ่นน้อยต่อการปรับปรุงผลการดำเนินการให้ทันต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ เนื่องจากการมีโครงสร้างต้นทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงอยู่ในระดับสูง โดยราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงได้ลดต้นทุนการดำเนินงานลง แต่ก็ส่งผลให้มีการแข่งขันด้านราคาสูงขึ้นโดยเฉพาะจากสายการบินต้นทุนต่ำ ผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทปรับสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ซึ่งส่งผลให้ความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทลดลง ดังนั้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 บริษัทจึงเป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจ 7 แห่งที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนซึ่งต้องปรับโครงสร้างภายใต้การช่วยเหลือของคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หลังจาก คนร. ได้อนุมัติแผนการปฏิรูปธุรกิจแล้ว บริษัทก็ได้ดำเนินการตามแผนทันทีในเดือนมกราคม 2558 โดยทำการยกเลิกเส้นทางการบินที่ไม่มีกำไร รวมทั้งปลดระวางเครื่องบิน เสนอโครงการเกษียณก่อนกำหนดแก่พนักงาน จำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ทรัพย์สินหลักออกไปซึ่งรวมถึงเครื่องบินที่ปลดระวางแล้ว ตลอดจนปรับโครงสร้างองค์กรและโครงสร้างการดำเนินงานของบริษัท โดยเป้าหมายของแผนปฏิรูปธุรกิจจะช่วยปรับปรุงความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการทำกำไรให้แก่บริษัท อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการลดต้นทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงยังคงช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้

ในปี 2557 รายได้ของบริษัทลดลง 8.7% เป็น 188,368 ล้านบาทเนื่องจากความไม่สงบทางการเมืองส่งผลกระทบต่ออัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารของบริษัทจนลดลงสู่ระดับ 69.0% ในปี 2557 เมื่อเทียบกับระดับ 74.1% ในปี 2556 ทำให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานจำนวนมากในปี 2557 โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงสู่ระดับ 3.3% ในปี 2557 จาก 9.6% ในปี 2556 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 การปรับตัวเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวส่งผลให้อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 73.4% อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทยังคงปรับลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเป็น 136,412 ล้านบาทเนื่องจากรายได้ผู้โดยสารต่อคนต่อกิโลเมตรปรับตัวลดลง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 10.7% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 7,298 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทไม่สามารถลดต้นทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงได้ตามแผน อัตราการทำกำไรของบริษัทยังคงถูกกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงซึ่งจำกัดการเพิ่มรายได้ผู้โดยสารต่อคนต่อกิโลเมตร และบริษัทยังไม่สามารถลดต้นทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงได้เร็วอย่างที่ต้องการ

ภาระหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับสูง โดยการลงทุนจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาส่งผลให้เงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มสูงสุดที่ 201,287 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 เทียบกับระดับ 191,852 ล้านบาทในปี 2557 เมื่อประกอบกับผลประกอบการที่ขาดทุนจึงส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับ 84.4% ในปี 2557 สู่ระดับ 92.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558

สภาพคล่องของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงอยู่ในระดับอ่อน โดยเงินทุนจากการดำเนินงานปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 19,960 ล้านบาทในปี 2556 เป็น 2,948 ล้านบาทในปี 2557 และฟื้นตัวเป็น 7,993 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับลดลงจากระดับ 10.7% ในปี 2556 สู่ระดับ 2.2% ในปี 2557 และ 4.4% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ส่วนอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายแม้จะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 0.7 เท่าในปี 2557 นั้นก็คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 2.0 เท่าในปี 2558 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 บริษัทมีเงินสดอยู่ที่ระดับ 28,251 ล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายจำนวน 17,600 ล้านบาท ส่วนในช่วง 12 เดือนข้างหน้านั้น บริษัทจะต้องชำระคืนเงินกู้จำนวน 20,551 ล้านบาทและมีภาระเงินกู้ระยะสั้นอีกจำนวน 18,480 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงแหล่งเงินสำรองที่เพียงพอสำหรับการชำระหนี้และใช้รองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังคาดว่าภาครัฐจะยังคงให้การช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทหากบริษัทขาดสภาพคล่อง

ในระหว่างปี 2559-2561 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตในระดับปานกลาง ทั้งนี้ หากบริษัทสามารถปฏิบัติตามแผนปฏิรูปสำเร็จก็จะส่งผลให้อัตรากำไรของบริษัทฟื้นตัวสู่ระดับ 20% และผลักดันให้เงินทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 24,000 ล้านบาทต่อปี อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากบริษัทยังไม่มีแผนในการลดภาระหนี้อย่างอย่างชัดเจน สภาพคล่องของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นโดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่สูงกว่าระดับ 10% ส่วนอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายนั้นจะอยู่สูงกว่า 2.5 เท่า

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
THAI165A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
THAI16DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
THAI174A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
THAI17OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
THAI185A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,555 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
THAI185B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,445 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
THAI185C: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
THAI188A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,250 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
THAI189A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
THAI192A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
THAI192B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
THAI19OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
THAI19DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,230 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
THAI204A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
THAI208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,250 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
THAI209A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
THAI212A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
THAI215A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 833 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
THAI215B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,167 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
THAI21DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,340 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
THAI222A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A
THAI224A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A
THAI229A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A
THAI22OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A
THAI238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A
THAI242A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A
THAI243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A
THAI24DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,430 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A
THAI254A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A
THAI259A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ