ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ดั๊บเบิ้ล เอ (1991)” ที่ “BBB-” และปรับแนวโน้ม เป็น “Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 25, 2016 13:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Negative” หรือ “ลบ” จาก “Stable” หรือ “คงที่” เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานของบริษัทที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้รวมถึงแผนการลดระดับการก่อหนี้ที่ล่าช้า

อันดับเครดิต “BBB-” สะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ในอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษพิมพ์เขียนของไทย รวมถึงการมีโรงงานผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษที่ครบวงจร รวมทั้งตราสัญลักษณ์ที่แข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ “ดั๊บเบิ้ล เอ” อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่ผันผวนของอุตสาหกรรมการผลิตเยื่อและกระดาษ ตลอดจนความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อุปสงค์ของกระดาษที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปนิยมใช้สื่อดิจิตอลเพิ่มมากขึ้น รวมถึงธุรกรรมบางรายการระหว่างบริษัทกับบริษัทที่เกี่ยวข้อง

แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนผลการดำเนินงานของบริษัทที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้รวมถึงแผนการลดระดับการก่อหนี้ที่ล่าช้า โดยอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทรวมถึงกระแสเงินสดต่ำกว่าคาดการณ์หรือโครงสร้างเงินทุนด้อยกว่าที่คาดไว้ ในทางตรงกันข้าม แนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับกลับไปเป็น “Stable” หรือ “คงที่” หากยอดขายและความสามารถในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นจนทำให้กระแสเงินสดเพิ่มสูงขึ้นอย่างที่คาดไว้ อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทจะได้รับอิทธิพลจากอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีผู้ถือหุ้นกลุ่มเดียวกันตามเงื่อนไขวิธีการจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง โดยการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตองค์กรของบริษัทด้วยเช่นกัน

บริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) เป็นผู้นำในการผลิตกระดาษพิมพ์เขียนในประเทศไทย โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตกระดาษจำนวน 5 โรงซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมกันทั้งสิ้น 1,045,000 ตันต่อปี กำลังการผลิตกระดาษของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2 เท่าหลังจากโรงงานแห่งที่ 3 (APM3) เริ่มเดินเครื่องในเดือนพฤศจิกายน 2555 และบริษัทได้ซื้อโรงงาน Alizay ในประเทศฝรั่งเศสเข้ามาในเดือนมกราคม 2556 โรงงาน APM3 มีกำลังการผลิตติดตั้ง 220,000 ตันต่อปี ในขณะที่โรงงาน Alizay มีกำลังการผลิตติดตั้ง 300,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำลังการผลิตโรงงานเยื่อกระดาษอยู่ที่ 427,000 ตันต่อปีเพื่อใช้รองรับการผลิตกระดาษอีกด้วย

บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายกระดาษคิดเป็น 90% ของรายได้รวม โดยบริษัทมียอดขายกระดาษกระจายตัวอยู่ในหลายภูมิภาคและยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้มแข็งครอบคลุมมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก รายได้ของบริษัทมาจากการจำหน่ายภายในประเทศ 30% ส่วนอีกประมาณ 50% มาจากตลาดอื่นในภูมิภาคเอเซีย 10% มาจากตลาดในยุโรป และ 10% มาจากตลาดในประเทศอื่น ๆ

ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2558 ต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยผลกำไรลดต่ำลงจากปัญหาด้านสาธารณูปโภคและเครื่องจักร รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่หลากหลายในราคาต่ำลงภายใต้ตราสินค้าอื่นเพื่อสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดใหม่ ๆ ผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานในปี 2558 ซึ่งมาจากผลขาดทุนสุทธิที่ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายการพิเศษอื่น ๆ อยู่ที่ 2,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่ขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 1,116 ล้านบาทในปี 2557 อย่างไรก็ตาม กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมากทำให้ผลขาดทุนสุทธิในปี 2558 ลดลงเหลือ 941 ล้านบาท ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นปานกลางจากระดับต่ำในปี 2557 และในปี 2558

รายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้น 15.1% เป็น 20,093 ล้านบาทจาก 17,460 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ในขณะที่อัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) เพิ่มขึ้นเป็น 9.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 จากระดับที่ต่ำมากเพียง 3.6% ในปี 2558 โดยพัฒนาการที่ดีขึ้นของความสามารถในการทำกำไรมาจากการปรับส่วนผสมผลิตภัณฑ์ บริษัทลดความสำคัญในผลิตภัณฑ์ที่มีกำไรต่ำและมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งการลดความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ช่วยลดปัญหาด้านการผลิตรวมถึงลดต้นทุนการผลิตในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 การเพิ่มขึ้นของทั้งยอดขายและความสามารถในการทำกำไรทำให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 1,943 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 จาก 929 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 609 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 ซึ่งลดลงจากที่ขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 1,611 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมากในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 แล้ว ผลขาดทุนสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 1,025 ล้านบาทจากที่ขาดทุนสุทธิ 9 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เงินทุนจากการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 ปรับตัวดีขึ้นปานกลาง โดยเพิ่มขึ้นเป็น 971 ล้านบาทจาก 780 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทถดถอยลงโดยผลขาดทุนที่ต่อเนื่องทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทลดต่ำลง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 อยู่ที่ 58.7% เพิ่มขึ้นจาก 58% ในปี 2558 และ 57.6% ในปี 2557 ซึ่งระดับการก่อหนี้ดังกล่าวสูงกว่าการคาดการณ์โดยทริสเรทติ้งอันเนื่องมาจากความล่าช้าของแผนของบริษัทที่จะขายหุ้นจำนวน 25.5% ที่ถืออยู่ในบริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายซึ่งเป็นบริษัทในเครือ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับตัวดีขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยอัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 4.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) เมื่อเทียบกับ 2.9% ในปี 2557 และ 3.9% ในปี 2558 ในขณะที่อัตราส่วนกำไร (ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ต่อดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 2.1 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 เมื่อเทียบกับ 1.7 เท่าในปี 2557 และ 0.8 เท่าในปี 2558

บริษัทมีแผนพัฒนาการดำเนินงานเพื่อมุ่งหวังจะเพิ่มยอดขายและความสามารถในการทำกำไร โดยแผนดังกล่าวรวมไปถึงการปรับส่วนผสมผลิตภัณฑ์ การยกระดับประสิทธิภาพการผลิต และการลดต้นทุนการดำเนินงาน บริษัทจะมุ่งเน้นตลาดหลักของบริษัทมากกว่าที่จะทำตลาดใหม่ ๆ จำนวนมากเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นเป็นประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปีจาก 864 ล้านบาทในปี 2558 ระดับการก่อหนี้ซึ่งไม่รวมการขายหุ้นที่เหลือในบริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย น่าจะยังทรงตัวในระดับสูง โดยนอกจากเงินลงทุนเพื่อรักษาสภาพเครื่องจักรประจำปีแล้ว บริษัทยังมีแผนจะลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 30 เมกะวัตต์ที่โรงงาน Alizay ในปี 2560 ด้วย โดยต้นทุนของโครงการดังกล่าวอยู่ที่ 45 ล้านยูโรหรือประมาณ 1,700 ล้านบาท บริษัทวางแผนจัดหาเงินทุนส่วนใหญ่จากเงินกู้ระยะยาวประมาณ 70% และที่เหลืออีก 30% จะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน โรงไฟฟ้าดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 60%-63% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ส่วนอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นเป็น 10% ในขณะที่อัตราส่วนกำไร (ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ต่อดอกเบี้ยจ่ายจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2-3 เท่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ เงินทุนจากการดำเนินงานน่าจะสามารถรองรับเงินลงทุนเพื่อรักษาสภาพเครื่องจักรที่ปีละประมาณ 1,000 ล้านบาทและเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงินที่ครบกำหนดในแต่ละปีที่ปีละประมาณ 600 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้าได้เกือบทั้งจำนวน นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนธันวาคม 2559 (DA16DA) และในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 (DA172A) จำนวนรวม 2,254 ล้านบาทด้วย

บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) (DA)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
DA16DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB-
DA172A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 754.2 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ