ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และแนวโน้ม “บ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ที่ “A+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 25, 2017 16:50 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทอันเนื่องมาจากสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งของบริษัทและความหลากหลายของธุรกิจทั้งในส่วนของประเภทและทำเลที่ตั้ง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่อ่อนไหวของธุรกิจโรงแรมและการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจอาหารบริการด่วนและธุรกิจจัดจำหน่าย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทจากการมีธุรกิจที่หลากหลายทั้งประเภทและทำเลที่ตั้ง โดยทริสเรทติ้งคาดหมายว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จในการลดภาระหนี้ได้ตามแผน โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทในระยะ 12 เดือนข้างหน้ายังมีจำกัดเมื่อพิจารณาจากฐานะการเงินของบริษัทในปัจจุบัน ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่บริษัทมีการลงทุนขนาดใหญ่โดยการก่อหนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากความสามารถในการก่อหนี้เพิ่มของบริษัทมีจำกัดภายใต้อันดับเครดิตในระดับปัจจุบัน

บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลก่อตั้งในปี 2521 โดย Mr. William Ellwood Heinecke ณ สิ้นปี 2559 Mr. Heinecke และกลุ่มเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในสัดส่วนรวม 33% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่ 1) ธุรกิจโรงแรมและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม (Hospitality & and Mixed Use Real Estate) 2) ธุรกิจร้านอาหาร (Restaurant) และ 3) ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตสินค้า (Retail Trading & Contract Manufacturing) ในปี 2559 รายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจโรงแรม คิดเป็นสัดส่วน 44% และ 42% ของรายได้รวม ตามลำดับ ในขณะที่ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตสินค้าและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฯ สร้างรายได้คิดเป็น 7% และ 6% ของรายได้รวม ตามลำดับ

สถานะทางธุรกิจของบริษัทมีความแข็งแกร่งจากการมีสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งรวมถึงการมีธุรกิจและทำเลที่ตั้งที่หลากหลายซึ่งช่วยให้บริษัทผ่านพ้นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจในประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ จนมีรายได้ที่เติบโตอย่างมั่นคง การผสมผสานกันระหว่างธุรกิจอาหารที่มีผลการดำเนินงานแน่นอนกับธุรกิจโรงแรมและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฯ ที่มีอัตรากำไรสูงแต่ผันผวนช่วยรักษาระดับผลประกอบการโดยรวมของบริษัทให้มีความสม่ำเสมอเป็นอย่างดี

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2559 บริษัทมีโรงแรมภายใต้การบริหารทั้งหมด 155 แห่ง ด้วยจำนวนห้องพัก 19,805 ห้องใน 24 ประเทศซึ่งครอบคลุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อาฟริกา ตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกาใต้ บริษัทบริหารและดำเนินงานโรงแรมเหล่านี้ภายใต้เครือโรงแรมที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก เช่น Four Seasons รวมถึง JW Marriott, St. Regis, Radisson และภายใต้เครือโรงแรมของบริษัทเองคือ Anantara, Oaks, AVANI, Elewana, Per AQUUM และ Tivoli

สำหรับธุรกิจร้านอาหารนั้น บริษัทดำเนินกิจการผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (MFG) ซึ่งก่อตั้งในปี 2523 MFG เป็นผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยเป็นเจ้าของและผู้ประกอบการร้านอาหารแบบแฟรนไชส์จากต่างประเทศจำนวน 4 แบรนด์ ได้แก่ “สเวนเซ่นส์” “ซิซซ์เล่อร์” “แดรี่ ควีน” และ “เบอร์เกอร์ คิง” นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์สินค้าของบริษัทเอง ได้แก่ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” “เดอะค็อฟฟีคลับ” “ริบส์ แอนด์ รัมพ์” “ไทยเอ็กเพรส” “Beijing Riverside and Courtyard (Riverside)” ในประเทศจีน และ “BreadTalk” ในประเทศไทย ซึ่งบริษัทสามารถใช้แบรนด์ร้านอาหารที่บริษัทเป็นเจ้าของและแบบแฟรนไชส์จากต่างประเทศบางแบรนด์ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารทั้งในและต่างประเทศ ณ สิ้นปี 2559 MFG มีร้านอาหารเปิดให้บริการรวมทั้งหมด 1,996 แห่งใน 19 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วยร้านที่บริษัทเป็นเจ้าของ 1,018 แห่งและร้านแฟรนไชส์และแฟรนไชส์ย่อยอีก 978 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงทุนใน บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (S&P) และ BreadTalk Group Ltd. (BreadTalk) ในประเทศสิงคโปร์อีกด้วย

บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MINOR) ยังเป็นบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งของบริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และโรงงานรับจ้างผลิตสินค้าด้วย โดยมีแบรนด์สินค้าที่สำคัญ อาทิ Esprit, Gap, Bossini, Charles & Keith, Banana Republic และ Anello

ในปี 2559 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 51,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีที่ผ่านมา โดยรายได้ในส่วนของธุรกิจโรงแรมรวมถึงธุรกิจสปาและธุรกิจรับจ้างบริหารโรงแรมเติบโต 29% ในปี 2559 คิดเป็น 22,474 ล้านบาท การเติบโตดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากรายได้จากโรงแรม 7 แห่งในประเทศโปรตุเกสและอีก 2 แห่งในประเทศแซมเบียที่บริษัทซื้อกิจการมา ในส่วนของรายได้จากธุรกิจร้านอาหารซึ่งรวมรายได้ค่าแฟรนไชส์ของธุรกิจอาหารในปี 2559 นั้นมีอัตราการเติบโต 24% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็น 21,588 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลัก 3 ประการได้แก่การรวมรายได้เต็มปีจาก Minor DKL Food Group Pty. Ltd. (Minor DKL) ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี และการเพิ่มจำนวนร้านอาหาร ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโดยอยู่ที่ 14,644 ล้านบาทอันเนื่องมาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของธุรกิจโรงแรมและการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นสำคัญ ทั้งนี้ ในระหว่างปี 2560-2562 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ที่เติบโตได้ในระดับสูงจากการดำเนินธุรกิจที่มีอยู่และจากแผนการขยายธุรกิจ โดยคาดว่าฐานกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจะเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น

บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ระดับประมาณ 15% ในช่วงปี 2558-2559 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ระดับ 22.2% ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลการท่องเที่ยวของธุรกิจโรงแรม ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 17% ในช่วงปี 2562 อันเป็นผลจากการพัฒนาในด้านต่าง ๆ อาทิ แผนการปรับปรุงโรงแรมบางแห่งของบริษัท การปรับรูปแบบธุรกิจบริการที่พักแบบแบ่งส่วนเวลา และการปรับโครงสร้างของร้านอาหารไทยเอ็กเพรส

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนตัวลงในระยะ 2 ปีที่ผ่านมาโดยมีสาเหตุหลักมาจากการลงทุนในหลายโครงการทั้งโรงแรมและโครงการอสังหาริมทรัพย์ฯ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในกลุ่มโรงแรม Tivoli ด้วย โดยภาระหนี้ของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นจาก 45,492 ล้านบาทในปี 2558 เป็น 49,832 ล้านบาทในปี 2559 และอยู่ที่ 51,007 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2560 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ระดับ 57.2% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่ออัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ระดับ 5.1 เท่าในปี 2559 ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นโดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นและการชำระคืนหนี้ตามกำหนด นอกจากนี้ บริษัทยังคาดว่าจะมีเงินทุนเพิ่มขึ้นจากการใช้สิทธิในใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวนประมาณ 7,500 ล้านบาทในช่วงปลายปี 2560

บริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอในระยะ 12 เดือนข้างหน้า โดยคาดหมายว่าแหล่งสภาพคล่องของบริษัทจะประกอบไปด้วย EBITDA ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทในปี 2560 และบริษัทเงินสดในมือ ณ สิ้นปี 2559 จำนวน 4,399 ล้านบาท รวมทั้งวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 15,000 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีหนี้บางส่วนที่จะครบกำหนดชำระประมาณ 7,812 ล้านบาทในปี 2560 ทั้งนี้ ในช่วงปี 2560-2562 คาดว่าบริษัทจะมีเงินลงทุนในแต่ละปีประมาณ 6,000-8,000 ล้านบาท โดย ณ ปัจจุบันบริษัทไม่ได้แจ้งว่าจะมีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 14%-16% ไปอยู่ที่ระดับประมาณ 20%

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MINT178A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
MINT17DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
MINT17DB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
MINT183A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
MINT18OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
MINT193A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน 4,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
MINT205A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
MINT213A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน 2,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
MINT21OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
MINT228A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน 2,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
MINT255A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
MINT313A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ