ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “สพพ.” ที่ “AAA” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 17, 2017 15:45 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) ที่ระดับ “AAA” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงบทบาทของ สพพ. ซึ่งมีฐานะเป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐบาลไทยที่รับผิดชอบในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวกับการให้ความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านโดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่องในรูปแบบเงินสนับสนุนสำหรับการดำเนินงานตามปกติ ทั้งนี้ ในมุมมองของทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าโอกาสที่ สพพ. จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในกรณีที่เกิดปัญหาทางการเงินนั้นมีความแน่นอนสูง

สพพ. ได้รับการจัดตั้งเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 ภายใต้พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2548 โดยสถานะทางกฎหมายของ สพพ. คือการเป็นองค์การมหาชน ซึ่งตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์การมหาชน พ.ศ. 2542 ระบุว่าวัตถุประสงค์ขององค์การมหาชนมีไว้เพื่อจัดทำบริการสาธารณะที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรเป็นหลัก วัตถุประสงค์ของ สพพ. มีเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินและวิชาการในอันที่จะส่งเสริมความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่น ๆ เป็นสำคัญ ซึ่งความช่วยเหลือทางการเงินประกอบด้วยการให้เงินกู้ภายใต้เงื่อนไขผ่อนปรน การลดภาระดอกเบี้ย และการให้เงินให้เปล่าเพื่อลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานซึ่งโดยทั่วไปไม่มีรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานภาคเอกชนอื่นใดดำเนินการ

ในด้านโครงสร้างนั้น สพพ. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ส่วนในด้านการดำเนินงาน สพพ. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการบริหารสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (คพพ.) ซึ่งมีสมาชิกเป็นตัวแทนจากหน่วยงานของรัฐบาลที่มีหน้าที่โดยตรงทางด้านความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้าน สพพ. สามารถดำเนินธุรกรรมที่เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลซึ่งผ่านการตรวจสอบจาก คพพ. แล้วเท่านั้น ในส่วนของการดำเนินงานนั้น สพพ. จำเป็นต้องพึ่งพาเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นหลัก เนื่องจากการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและวิชาการแก่ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้อยู่บนพื้นฐานในเชิงพาณิชย์และ สพพ. ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการที่แสวงหากำไรเป็นหลัก สพพ. จึงไม่ได้รับการจัดตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินการทางการเงินที่เป็นอิสระจากรัฐบาล และแม้ว่ารัฐบาลจะไม่ได้ให้การค้ำประกันหนี้สินของ สพพ. แต่หนี้สินของ สพพ. ก็นับเป็นส่วนหนึ่งของหนี้สาธารณะ ดังนั้น การก่อหนี้ใด ๆ ของ สพพ. จึงต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลก่อน

นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 สพพ. ได้ดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินไปแล้วจำนวน 21 โครงการ รวมทั้งโครงการความช่วยเหลือทางวิชาการจำนวน 16 โครงการ และทำการถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้รับความช่วยเหลือจากประเทศเพื่อนบ้านจำนวน 27 หลักสูตร คิดเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 14,482.39 ล้านบาท สำหรับตัวเลข ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 สพพ. มีมูลค่าเงินให้สินเชื่อรวมซึ่งรวมดอกเบี้ยค้างรับอยู่ที่ 7,498.76 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตทบต้นถัวเฉลี่ยต่อปี (Compound Annual Growth Rate – CAGR) ที่ระดับ 12.5% ในช่วงระยะ 5 ปีที่ผ่านมา และมีแหล่งเงินทุนอยู่ที่ 7,922.41 ล้านบาท ด้วยอัตราการเติบโตทบต้นถัวเฉลี่ยต่อปีที่ 7.4% ในช่วงเวลาเดียวกัน

เงินอุดหนุนจากรัฐบาลถูกนับเป็นรายได้ในงบกำไรขาดทุนของ สพพ. โดยมีสัดส่วน 90% ของรายได้รวมในปีงบประมาณ 2559 เงินอุดหนุนมีสัดส่วนสูงกว่า 80% อย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิมีสัดส่วน 10% ของรายได้รวมในปีงบประมาณ 2559 ค่าใช้จ่ายหลักได้แก่เงินให้เปล่าแก่ผู้ขอรับการช่วยเหลือและค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ไม่ได้มุ่งเน้นการแสวงหากำไรที่มีการให้เงินให้เปล่าและเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยต่ำ สพพ. จึงไม่ได้รับการคาดหวังให้สร้างผลกำไรแต่อย่างใด เนื่องจากวิธีทางบัญชีซึ่งถือว่าเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นรายได้ สพพ. จึงมีการรายงานผลกำไรจำนวนมากในแต่ละปี เงินอุดหนุนจากรัฐบาลนั้นนอกจากจะนำไปใช้เพื่อรองรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเงินให้เปล่าและช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากการให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราตลาดแล้วยังเป็นส่วนหนึ่งของเงินให้กู้อีกด้วย จากเหตุผลดังกล่าวจึงส่งผลให้อัตรากำไรที่สูงเป็นพิเศษของ สพพ. เช่น อัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยต่อปีที่ระดับ 9.5% ในปีงบประมาณ 2559 เมื่อเทียบกับอัตราที่ระดับประมาณ 1.3% ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในปีเดียวกันแล้วจึงไม่สามารถใช้เป็นปัจจัยบ่งชี้ถึงความสามารถในการทำกำไรของ สพพ. ได้

สพพ. ยังไม่เคยมีประสบการณ์หนี้สูญจากการปล่อยสินเชื่อให้แก่รัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านและยังไม่เคยมีการตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงทางด้านเครดิตของประเทศเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากมุมมองในการให้เงินกู้แล้ว สพพ. มีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในการให้กู้แก่รัฐบาลของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ซึ่งมีสัดส่วนถึงประมาณ 90% ของสินเชื่อรวม ในขณะที่สินเชื่อที่ปล่อยกู้ให้แก่รัฐบาลของประเทศกัมพูชามีสัดส่วนประมาณ 10% ของสินเชื่อรวม เงินกู้ดังกล่าวมีระยะการจ่ายคืนในช่วงระยะเวลา 20-30 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ที่อัตราไม่เกิน 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ สพพ. ยังมีความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างมากอีกด้วยเนื่องจากระยะเวลาที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างสินทรัพย์เงินให้กู้ระยะยาวกับเงินกู้ยืมระยะปานกลาง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวยังไม่เป็นประเด็นสำคัญมากนักเนื่องจากเงินกู้มีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแหล่งเงินทุนรวมที่มีอยู่ เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นจากแผนการกู้ยืมเพิ่มในอนาคต สพพ. จึงมองหาแหล่งเงินกู้ยืมระยะยาวอัตราดอกเบี้ยคงที่จากตลาดตราสารหนี้ภายในประเทศ

สพพ. มีหนี้สินอยู่ในปริมาณน้อยในปัจจุบันแต่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายแหล่งเงินทุนจากการพึ่งพาเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่มาเป็นการกู้ยืมเงินจากสาธารณะมากขึ้น เงินให้กู้ของ สพพ. ที่ผ่านมาส่วนใหญ่มีที่มาจากเงินอุดหนุนจากรัฐบาล โดยมีอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 90% ณ สิ้นเดือน กันยายน 2559 ส่วนที่เหลืออีก 10% มาจากการกู้ยืมซึ่งส่วนใหญ่เป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Special-Purpose Financial Institution – SFI) และธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนการกู้ยืมคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในระยะปานกลางจากการที่ สพพ. มีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการกู้ยืมเงินจากสาธารณะมากขึ้นในอนาคต

อัตราส่วนสภาพคล่องของ สพพ. อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของสถาบันทางการเงินที่ปล่อยสินเชื่อในเชิงพาณิชย์และคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อไปในระยะปานกลาง สัดส่วนของสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ระดับ 5.38% ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์อยู่มาก อย่างไรก็ดี เนื่องจากกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้นั้นมีค่อนข้างแน่นอน สพพ. อาจไม่มีความจำเป็นต้องกันสำรองสภาพคล่องให้อยู่ในระดับเดียวกับสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อในเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์สภาพคล่องของ สพพ. ที่มีอยู่ก็ถือว่าเพียงพอที่จะใช้ชำระคืนหนี้สินที่มีอายุไม่เกิน 1 ปีได้ภายในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้าเนื่องจากหนี้สินเหล่านี้มีเงื่อนไขการชำระเงินคืนเงินต้นที่ยืดหยุ่น นอกจากนี้ สพพ. ยังมีแหล่งเงินทุนจากรัฐบาลที่ได้จากกระทรวงการคลังเพื่อใช้เป็นแหล่งสภาพคล่องอีกแหล่งหนึ่งด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่า สพพ. จะรักษาสถานภาพการเป็นองค์การมหาชนภายใต้กฎหมายจัดตั้งและจะยังคงบทบาทหน้าที่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลโดยได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนี่องจากรัฐบาลตามที่จำเป็นต่อไป

อันดับเครดิต และ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของ สพพ. อาจเปลี่ยนแปลงไปหากทริสเรทติ้งเห็นว่าความสำคัญในบทบาทของ สพพ. ที่มีต่อนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศของรัฐบาล หรือการสนับสนุนที่ได้รับจากรัฐบาลเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (NEDA)
อันดับเครดิตองค์กร AAA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ