ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-” โดยเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำไปจ่ายชำระเงินกู้ยืมจากธนาคารบางส่วนเพื่อเสริมสภาพคล่องและลดต้นทุนทางการเงิน
อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงตราสินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี รวมถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทย เครือข่ายการกระจายสินค้าที่ครอบคลุม และหนี้สินที่อยู่ในระดับปานกลางแต่กำลังเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากการที่บริษัทพึ่งพาผลิตภัณฑ์น้อยรายการ และความไม่แน่นอนในการขยายธุรกิจในสหราชอาณาจักรซึ่งอาจกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอีก 2-3 ปี
รายได้ของบริษัทในปี 2560 เพิ่มขึ้น 29% จากปี 2559 ขึ้นมาอยู่ที่ 12,904 ล้านบาท เป็นผลจากยอดส่งออกที่เติบโตสูงโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV และประเทศจีน ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 บริษัทมีรายได้ 3,350 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากยอดขายในกลุ่มประเทศ CLMV ที่เติบโตสูงกว่าที่คาดที่ 81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ยอดขายในประเทศจีนและสหราชอาณาจักรต่ำกว่าที่คาดจากสภาพการแข่งขันที่รุนแรง
บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ลดลงจาก 18.9% ในปี 2559 มาอยู่ที่ 10.2% ในปี 2560 และ 9.4% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอ่อนตัวลงจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวสูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นในประเทศที่อ่อนตัวลง โดยการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการเป็นผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอลและรายการแข่งขันฟุตบอลและจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดในประเทศอังกฤษที่สูงขึ้น โดยค่าใช้จ่ายในการเป็นผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอลและรายการแข่งขันฟุตบอลจะสูงสุดในปี 2561 และจะทยอยลดลงในปีถัดไปตามกำหนดการจ่ายในสัญญาการเป็นผู้สนับสนุน ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในประเทศลดลงจากต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตเครื่องดื่มบำรุงกำลังและขวดปรับตัวสูงขึ้น
ระดับหนี้สินของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลจากการลงทุนขยายกำลังการผลิตเครื่องดื่มบำรุงกำลังและบรรจุภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายการตลาดจำนวนมากเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ ทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 15% ในปี 2559 เป็น 34% ในปี 2560 และ 40% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับหนี้สินจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2561 และทยอยลดลงในปีถัด ๆ ไป
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดภายในประเทศ และประสบความสำเร็จในการขยายตลาดในสหราชอาณาจักรตามที่บริษัทได้วางแผนไว้ ผลการดำเนินงานน่าจะปรับตัวดีขึ้นและระดับหนี้สินน่าจะปรับตัวลดลงในปี 2562 หลังจากที่ผลการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงและระดับหนี้สินจะเพิ่มสูงขึ้นในปี 2561
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
โอกาสที่อันดับเครดิตจะถูกปรับขึ้นในระยะเวลาอันใกล้มีจำกัดเนื่องจากบริษัทมีการใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และมีความไม่แน่นอนในการขยายตลาดในประเทศอังกฤษ ในขณะที่อันดับเครดิตอาจถูกปรับลงหากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวกว่าที่คาดเป็นระยะเวลานาน หรือบริษัทดำเนินนโยบายทางการเงินที่เสี่ยงยิ่งขึ้น