ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์” ที่ “BBB” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 25, 2019 16:30 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความเสี่ยงทางธุรกิจที่อยู่ในระดับสูงจากธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจขนส่งสินค้าแห้งเทกองทางเรือและธุรกิจให้บริการวิศวกรรมนอกชายฝั่งที่มีความไม่แน่นอนและผันผวนสูง อันดับเครดิตยังคำนึงถึง ฐานะการเงินที่แข็งแรงของบริษัทซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากเงินสดจำนวนมากในมือ ขณะที่ความพยายามในการขยายไปยังธุรกิจอื่น ๆ ของบริษัทยังไม่ประสบผลสำเร็จนัก อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานในอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าแห้งเทกองซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของค่าระวางเรืออีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ความเสี่ยงจากธุรกิจหลักที่มีความผันผวนสูง

ความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทถูกกำหนดจากการที่ธุรกิจหลักทั้ง 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งมีความผันผวนสูง โดยทั้งสองธุรกิจสร้างอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) โดยเฉลี่ยให้แก่บริษัทคิดเป็นประมาณ 70%-80%

ในธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกอง ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมมีความผันผวนคือภาวะอุตสาหกรรมส่วนเกินที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องจากการที่อุตสาหกรรมประกอบไปด้วยผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากและมีการแข่งขันสูงจนส่งผลให้การควบคุมอุปทานเป็นไปได้ยากและเป็นปัจจัยกดดันต่อค่าระวางเรือ

สำหรับธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง ผลการดำเนินงานขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมการบริการขุดเจาะนอกชายฝั่งของบริษัทสำรวจและผลิตก๊าซและน้ำมันที่มีความผันผวนและเป็นวัฏจักรขึ้นลงสูง ความไม่แน่นอนเรื่องทิศทางราคาน้ำมันดิบยังคงกดดันต่อธุรกิจขุดเจาะนอกชายฝั่งของบริษัทสำรวจและผลิตก๊าซและน้ำมันในระยะสั้นถึงกลาง นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเสี่ยงจากการมีลูกค้าหลักน้อยรายทำให้ความสามารถในการต่อรองราคามีจำกัด โดยผลการดำเนินงานของบริษัทขึ้นอยู่กับการต่ออายุสัญญาจ้างของลูกค้าไม่กี่รายในตะวันออกกลาง

แนวโน้มที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกอง

การปรับตัวด้านอุปทานเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจะเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนอุตสาหกรรม โดยคาดว่าการเติบโตของอุปทานเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจะอยู่ในระดับปานกลางในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า ปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญมาจากจากการจำกัดปริมาณค่ากำมะถันในน้ำมันเชื้อเพลิง (IMO 2020) ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งการที่ผู้ประกอบการจะสามารถดำเนินการให้เป็นไปตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวได้นั้น เจ้าของเรือจะต้องติดตั้งอุปกรณ์ Scrubber เพื่อกำจัดกำมะถันส่วนเกิน หรือใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่ากำมะถันต่ำ ซึ่งทางเลือกทั้ง 2 แนวทางดังกล่าวล้วนส่งผลทำให้อุปทานลดลง ทั้งนี้ เนื่องจากการติดตั้งอุปกรณ์ Scrubber ใช้เวลาหลายสัปดาห์ ในขณะที่การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่ากำมะถันต่ำก็มีต้นทุนที่แพงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการมีแนวโน้มที่จะเดินเรือในอัตราความเร็วที่ช้าลง นอกจากนี้ กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวยังส่งผลเร่งให้มีการปลดระวางเรือมากยิ่งขึ้นสำหรับเรือเก่าและเรือที่ไม่คุ้มค่าในเชิงธุรกิจ ทำให้คาดว่าอุปสงค์และอุปทานของเรือสินค้าแห้งเทกองจะอยู่ในระดับที่สมดุลมากขึ้นในรอบหลายปี

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 ค่าระวางเรือโดยเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ 10,185 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำ ซึ่งลดลงจาก 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักมาจากภัยพิบัติเหมืองถล่มของบริษัท Vale S.A. ในประเทศบราซิล สภาพอากาศที่เลวร้ายในประเทศออสเตรเลีย และเหตุการณ์ไข้หวัดหมูระบาดในประเทศจีน ในขณะที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเพิ่มขึ้น 5% อยู่ที่ 5,533 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำ

ในปี 2562-2565 สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าค่าระวางเรือ (Time Charter Equivalent -- TCE) โดยเฉลี่ยของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 9,800-10,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำ และคาดว่าบริษัทยังมีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเฉลี่ยจะอยู่ที่ 5,500-6,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำในช่วงดังกล่าว และคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองอยู่ที่ 5.6-6.3 พันล้านบาทต่อปี และมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทอยู่ที่ 17%-20%

ธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งยังคงเผชิญกับความท้าทาย

ทริสเรทติ้งประเมินว่าธุรกิจการให้บริการนอกชายฝั่งของบริษัทยังคงเผชิญกับความท้าทายอยู่ ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบสูงถึงระดับ 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2562 อย่างไรก็ดี ทิศทางราคาน้ำมันดิบยังคงมีความผันผวน และบริษัทสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซก็ยังคงมีความระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ในขณะที่อุตสาหกรรมยังคงเผชิญภาวะอุปทานส่วนเกิน

ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 บริษัทมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบที่ 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะรับรู้และเป็นฐานรายได้ให้กับบริษัท 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2562 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2563 และรวม 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2564-2565 อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงประสบกับปัญหาอัตราการใช้งานกองเรือที่ต่ำ มูลค่าสัญญาที่บริษัทมี มาจากอัตราการใช้งานของเรือ 3 ลำในระดับสูง ในขณะที่เรืออีก 4 ลำของบริษัทเข้าอู่เย็น (Cold-stacking) ซึ่งแม้ว่าการเข้าอู่เย็นจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง แต่บริษัทก็ยังมีต้นทุนคงที่ของเรือทั้ง 4 ลำรวมประมาณ 0.9-1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งของบริษัทจะมีรายได้รวม 100-120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีในปี 2562-2565 นอกจากมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบแล้ว คาดว่ารายได้ของบริษัทจะมาจากสัญญาเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับงานให้บริการนอกชายฝั่งที่บริษัททำอยู่ รวมทั้งงานรื้อถอน (Decommissioning) ในอ่าวไทย นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรประมาณ 2-3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีจากเรือขุดเจาะชนิดสามขา (Jack-up Rig) อีกจำนวน 3 ลำซึ่งดำเนินงานโดยบริษัทในร่วมคือ บริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่งค์ จำกัด ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของส่วนธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่การฟื้นตัวจะยังคงเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าธุรกิจนี้จะยังมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนในช่วงประมาณการ ส่วนโอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ เช่น งานวางสายเคเบิ้ลใต้น้ำ ถ้าบริษัทได้รับงานและสามารถดำเนินงานได้ประสบผลสำเร็จก็จะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัท

รายได้จากธุรกิจอื่น ๆ ยังมีขนาดเล็ก

ทริสเรทติ้งยังได้พิจารณาถึงความพยายามในการเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจเพื่อจะช่วยลดความผันผวนจากธุรกิจหลักทั้ง 2 ประเภทของบริษัทด้วย ทั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ที่มีลักษณะที่ไม่เป็นวัฏจักร เช่น ธุรกิจปุ๋ย ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจบริหารจัดการน้ำ และธุรกิจโลจิสติกส์ อย่างไรก็ตาม การลงทุนเหล่านั้นยังไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญต่อกลุ่มมากนัก ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าบริษัทยังคงต้องใช้เวลาในการบริหารธุรกิจที่บริษัทซื้อหรือลงทุนนั้นให้สำเร็จ

ในปี 2562-2565 สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าธุรกิจปุ๋ยจะสร้างรายได้ให้บริษัท 2.7-3.2 พันล้านบาทต่อปี และมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 5%-7% ในขณะที่ธุรกิจอาหาร รายได้หลักมาจากธุรกิจร้านพิซซ่า ฮัท ซึ่งบริษัทเริ่มได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดจากจำนวนร้านที่มากขึ้น ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 บริษัทมีจำนวนร้าน 144 ร้าน เทียบกับ 108 ร้าน ณ สิ้นปี 2560 โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมรวมประมาณ 40 สาขาในระยะ 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากพิซซ่า ฮัท 1.9-2.5 พันล้านบาทต่อปี และมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทอยู่ที่ 5%-7%

งบการเงินที่แข็งแรงยังคงสนับสนุนอันดับเครดิต

งบการเงินที่แข็งแรงจากการที่บริษัทมีเงินสดในมือจำนวนมากยังเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยลดผลกระทบจากผลการดำเนินงานที่ผันผวนได้ อย่างไรก็ตาม เงินสดในมือก็ลดลงโดยลำดับจากการลงทุนและการซื้อกิจการอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ในปี 2562-2565 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้ 1.3-1.6 หมื่นล้านบาทต่อปี และมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 8%-10% ซึ่งจะสร้าง EBITDA ที่ประมาณ 1.1-1.5 พันล้านบาทต่อปี และจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ประมาณ 0.5-1 พันล้านบาทต่อปี

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อเงินทุนของบริษัทยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 13% อย่างไรก็ดี ผลประกอบการที่อ่อนแอลงของบริษัทส่งผลให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอ่อนแอลงจาก 21.9% ในปี 2561 มาอยู่ที่ 8.6% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ใน 9 เดือนแรกของปี 2562

ในปี 2562-2565 สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 15% ขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 20% ในปี 2562 จากผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวในช่วง 9 เดือนแรกของปี แต่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 21%-23% ในปี 2563-2565 ซึ่งระดับตัวเลขดังกล่าวถือว่าต่ำสำหรับอันดับเครดิตปัจจุบันของบริษัท ซึ่งถ้าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่า 20% อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลกดดันให้เกิดการลดอันดับเครดิตของบริษัทลงได้

สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าเงินลงทุนของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาทในปี 2562 และ ประมาณ 2 พันล้านบาทในระหว่างปี 2563 โดยส่วนใหญ่ใช้สำหรับซื้อเรือขนส่งสินค้ามือสองจำนวน 2 ลำ โดยบริษัทคาดว่าจะใช้เงินกู้จากธนาคารเป็นแหล่งเงินทุนในสัดส่วน 50% และ 400-500 ล้านบาทต่อปีในปี 2564-2565

สภาพคล่องเพียงพอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะยังคงมีสภาพคล่องเพียงพอในช่วง 12-24 เดือนข้างหน้า โดยแหล่งเงินทุนประกอบด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 6.9 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 รวมถึงเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 0.5-1 พันล้านบาทต่อปี ในขณะที่บริษัทจะลงทุนรวมประมาณ 2.5 พันล้านบาท และหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระประมาณ 3.5-4 พันล้านบาท และการจ่ายเงินปันผลซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าในปี 2562-2565 ค่าระวางเรือโดยเฉลี่ยของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 9,800-10,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำ และค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเฉลี่ยจะอยู่ที่ 5,500-6,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำ

• ธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งของบริษัทจะมีรายได้รวม 100-120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีในปี 2562-2565

• บริษัทจะมีรายได้ 1.3-1.6 หมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2562-2565

• อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย อยู่ที่ 8%-10% จะมี EBITDA ที่ประมาณ 1.1-1.5 พันล้านบาทต่อปี

• มีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ประมาณ 0.5-1 พันล้านบาทต่อปี

• เงินลงทุนของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาทในปี 2562 และ ประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2563 และ 400-500 ล้านบาทต่อปีในปี 2564-2565

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถต้านทานความ

ผันผวนของทั้งธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองและธุรกิจบริการนอกชายฝั่งได้ และงบการเงินที่แข็งแรงและสถานะสภาพคล่องที่เพียงพอของบริษัทน่าจะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยค้ำจุนอันดับเครดิตในช่วงอีก 1-2 ปีข้างหน้าต่อไปได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทมีค่อนข้างจำกัดในระยะสั้นจากความไม่แน่นอนของผลประกอบการในธุรกิจขนส่งสินค้าแห้งเทกองทางเรือและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากผลประกอบการของบริษัทดีกว่าที่ประมาณการไว้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากธุรกิจขนส่งสินค้าแห้งเทกองทางเรือและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่า 20% อย่างต่อเนื่องจากผลประกอบการที่ด้อยลงหรือจากการลงทุนโดยการก่อหนี้ขนาดใหญ่

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TTA213A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,805.2 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB
TTA221A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ