ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กร “บ. ไทยแอร์เอเชีย” เป็น “BBB+” จาก “A-” และเปลี่ยนแนวโน้ม เป็น “Negative” จาก “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 20, 2020 14:25 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด เป็นระดับ “BBB+” จาก “A-” พร้อมทั้งเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Negative” หรือ “ลบ” จาก “Stable” หรือ “คงที่” โดยการลดอันดับเครดิตในครั้งนี้สะท้อนถึงสถานะทางการเงินของบริษัทที่อ่อนแอลงจากการแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมการบิน รวมถึงภาระหนี้ของบริษัทที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ล่าสุดคือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทยังคงสะท้อนถึงสถานะผู้นำในธุรกิจสายการบินราคาประหยัดในประเทศไทยของบริษัท ตลอดจนประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน การผสานประโยชน์และการสนับสนุนกับกลุ่มแอร์เอเชียซึ่งประกอบไปด้วย AirAsia Berhad และบริษัทในเครือ

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ความสามารถในการทำกำไรยังคงอยู่ภายใต้ความกดดัน

ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะยังคงอยู่ภายใต้ความกดดันแต่จะฟื้นตัวได้ในปี 2564 โดยในช่วงปี 2562 และปี 2563 ผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทจะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงและความต้องการเดินทางทางอากาศที่อ่อนตัวลงจากผลของการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 15% ถึง 17% ในปี 2562 และปี 2563 เปรียบเทียบกับระดับ 18.2% ในปี 2561 อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรจากการดำเนินงานอาจจะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 20% ในปี 2564 หากการหยุดชะงักต่าง ๆ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 สิ้นสุดลงภายใน 6 เดือนและการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินมีความสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างปี 2562-2564 ทริสเรทติ้งคาดว่าราคาน้ำมันเครื่องบินจะอยู่ระหว่าง 75-80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการต้นทุนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับต่ำที่ประมาณ 1 บาทต่อที่นั่ง-กิโลเมตร (กม.) ได้

การแข่งขันทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินอยู่ในระดับต่ำ

ในปี 2562 บริษัทต้องลดราคาตั๋วเครื่องบินลงเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง โดยในอนาคตทริสเรทติ้งเชื่อว่าการแข่งขันจะยังคงรุนแรงต่อไปแต่จะมีความสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้นเนื่องจากทุกสายการบินในประเทศไทยมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่อ่อนแอ ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มราคาตั๋วเครื่องบินได้ประมาณ 2%-3% ต่อปีในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

คาดว่าการระบาดของเชื้อ COVID-19 จะกระทบในระยะสั้น

ทริสเรทติ้งประเมินว่าการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 จะส่งกระทบต่ออัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารของบริษัทในระยะสั้น ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานว่าการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 จะสามารถควบคุมได้ภายในระยะเวลา 3 ถึง 6 เดือน อย่างไร

ก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนจะลดลงอย่างมากในปี 2563 โดยเฉพาะในประเภทที่เป็นการท่องเที่ยวแบบกลุ่ม (กรุ๊ปทัวร์) ทั้งนี้ เพื่อที่จะลดผลกระทบจากความต้องการเดินทางที่ลดลง บริษัทจึงได้มีการระงับเที่ยวบินและปรับลดความถี่ของเที่ยวบินที่บินไปประเทศจีนในบางเส้นทางลง เนื่องจากในเวลาปกตินั้น จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนคิดเป็น 19% ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดของบริษัท จึงคาดว่าอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารของบริษัทจะลดลงเหลือ 83% ในปี 2563 จาก 85% ในปี 2562 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีนจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสสามารถควบคุมได้และการเดินทางระหว่างประเทศกลับมาสู่ภาวะปกติ ภายใต้สมมติฐานนี้ ทริสเรทติ้งประมาณการอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารของบริษัทจะฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ระดับ 85% ในปี 2564 ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่น ๆ ก็คาดว่าจะเติบโตในระดับปานกลาง

ได้รับประโยชน์และการสนับสนุนจากกลุ่มแอร์เอเชียอย่างต่อเนื่อง

บริษัทได้รับประโยชน์จากการผสานธุรกิจกับกลุ่มแอร์เอเชียในการรวมกลุ่มกันจัดซื้อเครื่องบินและการจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงแบบประกันราคาล่วงหน้าซึ่งเป็นการเพิ่มอำนาจในการต่อรองเพื่อการประหยัดต้นทุน นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประโยชน์จากการดำเนินงานและเครือข่ายการตลาดของกลุ่มแอร์เอเชียอีกด้วย กล่าวคือ กลุ่มแอร์เอเชียมีสมาชิกซึ่งเป็นสายการบินที่ให้บริการใน 6 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย และญี่ปุ่น โดยครอบคลุมจุดหมายปลายทางมากกว่า 130 แห่งในภูมิภาคเอเชียและเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้ บริษัทใช้ระบบการจองตั๋วเครื่องบินเช่นเดียวกับกลุ่มแอร์เอเชียซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถจองตั๋วเที่ยวบินที่จะต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่น ๆ ที่ให้บริการโดยกลุ่มแอร์เอเชียได้อย่างสะดวกและคล่องตัว

ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอส่งผลให้ภาระหนี้ยังคงอยู่ในระดับสูง

ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปในปี 2562-2563 แต่จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2564 โดยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 5 เท่าในช่วงปี 2562 ถึงปี 2563 เนื่องจากอัตราการทำกำไรของบริษัทที่อ่อนตัวลง โดยอัตราส่วนดังกล่าวน่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็นประมาณ 4.5 เท่าในปี 2564 ตามการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของสายการบิน ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงจำนวนเครื่องบินไว้ที่ประมาณ 60 ลำและจะมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 80%

สภาพคล่องที่เพียงพอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะยังคงมีสภาพคล่องที่เพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ณ เดือนกันยายน 2562 บริษัทมีเงินสดและสินทรัพย์สภาพคล่องจำนวน 2.5 พันล้านบาทและยังมีวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอีกจำนวน 1.4 พันล้านบาท โดยบริษัทจะได้รับเงินสดจำนวน 2.7 พันล้านบาทจากธุรกรรมการขายและเช่ากลับเครื่องบินจำนวน 10 ลำ โดยแหล่งเงินทุนเหล่านี้จะเพียงพอต่อแผนการใช้จ่ายของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทมีภาระที่จะต้องชำระคืนเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระภายใน 12 เดือนข้างหน้าซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ระยะยาวจำนวน 2.5 พันล้านบาทและภาระหนี้ระยะสั้นอีกจำนวน 1.8 พันล้านบาท ในขณะที่ในปี 2563 บริษัทมีงบลงทุนจำนวนราว ๆ 1.3 พันล้านบาท

ข้อกำหนดทางการเงินของวงเงินกู้ยืมบางแห่งระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 4 เท่าและอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 3 เท่า จากการคาดการณ์ถึงผลประกอบการที่จะอ่อนตัวลงก็อาจส่งผลทำให้บริษัทไม่สามารถดำรงสัดส่วนทางการเงินตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ในปี 2563 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งก็ยังคาดว่าบริษัทจะได้รับการผ่อนปรนข้อกำหนดทางการเงินจากผู้ให้สินเชื่อในกรณีที่บริษัทไม่สามารถดำรงสัดส่วนทางการเงินได้ตามข้อกำหนด

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ในระยะ 3 ปีข้างหน้าระหว่างปี 2562-2564 ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานดังต่อไปนี้

• รายได้ของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 3.7-4.1 หมื่นล้านบาทต่อปี

• อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะลดลงเหลือประมาณ 15%-17% ในปี 2562-2563 และจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 20% ในปี 2564

• ราคาน้ำมันเครื่องบินจะอยู่ระหว่าง 75 ถึง 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลโดยเฉลี่ย

• งบลงทุนรวมทั้งหมดของบริษัท (ไม่รวมการจัดหาเครื่องบิน) จะอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท

• อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 5 เท่าในช่วงปี 2562 ถึงปี 2563 และจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 4.5 เท่าในปี 2564

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงสถานการณ์ที่ยังคงไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทั้งนี้ ในการประเมินผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวนั้น ทริสเรทติ้งได้ตั้งสมมติฐานระยะเวลาในการหยุดชะงักของการเดินทางทางอากาศไว้ที่ 3 ถึง 6 เดือน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังอยู่ในช่วงต้นของการแพร่ระบาด จึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่การหยุดชะงักของการเดินทางทางอากาศอาจได้รับผลกระทบที่สูงกว่าและยาวนานกว่าที่ได้ประเมินไว้ในเบื้องต้น ซึ่งจะส่งผลทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

แนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเป็น “Stable” หรือ “คงที่” ได้หากบริษัทสามารถปรับปรุงผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นมาได้ในปี 2564 และยังคงรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจสายการบินราคาประหยัดในประเทศไทยต่อไปได้ ทั้งนี้ คาดว่าความสามารถในการบริหารต้นทุนและความคล่องตัวในการดำเนินงานจะช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับปัจจัยตามฤดูกาลและปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินโดยรวมได้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทอ่อนตัวลงอย่างมาก หรือภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงกว่าระดับปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (TAA)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TAA205A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 BBB+
TAA216A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+
TAA225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565	        BBB+
TAA236A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566	BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต:	Negative


บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ