ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ล็อกซเล่ย์” ที่ “BBB” หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วน ที่ “BBB+” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 5, 2021 10:05 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB? และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทที่ระดับ ?BBB+? พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนขึ้นอยู่กับสถานะเครดิตของทั้งผู้ค้ำประกันและผู้ออกตราสาร ทั้งนี้ หุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทได้รับการค้ำประกันในสัดส่วน 45% ของเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระโดย ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?AA+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? จาก ทริสเรทติ้ง*

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงการมีธุรกิจที่หลากหลายและความสัมพันธ์ของบริษัทที่มีมาอย่างยาวนานทั้งกับลูกค้าและตัวแทนจำหน่าย นอกจากนี้ ในการประเมินอันดับเครดิตทริสเรทติ้งยังพิจารณาถึงกระแสเงินสดซึ่งเป็นเงินปันผลจำนวนมากที่บริษัทได้รับจากบริษัทร่วมรายใหญ่ 2 แห่งอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนลงจากการที่บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ค่อนข้างต่ำและรายได้ที่ผันผวนซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากงานโครงการ

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

อัตรากำไรจากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น

หลังจากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดลงอย่างมากจากการตั้งสำรองเผื่อผลขาดทุนจากงานโครงการในปี 2562 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทก็ปรับฟื้นตัวดีขึ้นเป็นระดับ 2.3% ในปี 2563 ซึ่งสอดคล้องกับความพยายามของบริษัทในการลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร

ในอนาคตบริษัทมีเป้าหมายที่จะเข้าแข่งขันประมูลงานโครงการที่มีอัตรากำไรสูงซึ่งบริษัทมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญให้มากขึ้น บริษัทยังมีแผนจะปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและลดค่าใช้จ่ายในด้านพนักงานให้มากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3%-4% ในปี 2564-2566 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังคงเห็นว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเนื่องจากบริษัทยังมีค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ งานโครงการของหน่วยงานภาครัฐส่วนใหญ่ก็มีอัตรากำไรที่ค่อนข้างต่ำอีกด้วยเนื่องจากการได้รับงานนั้นต้องผ่านการประมูลที่มีการแข่งขันที่รุนแรง

คาดว่ารายได้จะทรงตัว

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 บริษัทมีมูลค่างานในมือจำนวนประมาณ 8.6 พันล้านบาทซึ่ง 60% ของมูลค่างานในมือจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2564 นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้ประจำจากธุรกิจจัดจำหน่ายประมาณ 3.5 พันล้านบาทต่อปีอีกด้วย

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าภาครัฐจะลงทุนในโครงการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ในขณะที่ธุรกิจจัดจำหน่ายของบริษัทซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารและสินค้าอุปโภคและบริโภคนั้นได้รับผลกระทบการจากแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โรคโควิด 19) เพียงเล็กน้อย ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 1.3-1.4 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2564-2566

ธุรกิจที่หลากหลายช่วยลดความเสี่ยง

บริษัทให้บริการและจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายผ่านบริษัทย่อยต่าง ๆ ที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมดหรือถือหุ้นส่วนใหญ่ โดยธุรกิจสำคัญของบริษัทจำแนกออกได้เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ (1) ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ (2) ธุรกิจพลังงาน (3) ธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่นส์ (Network Solutions) (4) ธุรกิจจัดจำหน่าย และ (5) ธุรกิจบริการ โดยแหล่งรายได้ที่หลากหลายจากธุรกิจจำนวนมากดังกล่าวมีส่วนช่วยลดความผันผวนของกระแสรายได้ของบริษัทลงได้ในระดับหนึ่ง

บริษัทยังลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าอีกหลายแห่งซึ่งช่วยขยายขอบเขตธุรกิจของบริษัทออกไปในหลาย ๆ ด้าน เช่น การผลิตและจำหน่ายน้ำมันเครื่อง รวมไปถึงการผลิตเหล็กแผ่นเรียบเคลือบโลหะและเคลือบสี โดยส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนสำคัญของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายทั้งหมดของบริษัท ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมจะอยู่ระหว่าง 400-600 ล้านบาทต่อปี

มีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับกลุ่มลูกค้า

บริษัทได้สร้างความสัมพันธ์ที่ยาวนานทั้งกับลูกค้ารวมทั้งผู้ผลิตและจำหน่าย กล่าวคือ บริษัทมีชื่อเสียงที่ดีในตลาดโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าภาครัฐหลายแห่งจากการมีประวัติผลงานในโครงการจำนวนมากที่แล้วเสร็จตามเป้าหมาย นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ารายสำคัญให้แก่ผู้ผลิตและจำหน่ายระดับโลกมาอย่างยาวนานอีกด้วย

บริษัทมีความเชี่ยวชาญและมีความสามารถในการให้บริการและจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพสูงในหลากหลายอุตสาหกรรม ในขณะที่ความชำนาญทางเทคนิคในระดับสูงของพนักงานนั้นก็ช่วยเสริมบทบาทของบริษัทในการผลักดันนวัตกรรมและสร้างสรรค์โอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ อีกด้วย ทั้งนี้ จุดแข็งดังกล่าวช่วยให้บริษัทชนะการประมูลงานโครงการต่าง ๆ ทั้งในภาครัฐและเอกชนได้อยู่เสมอ

สถานะทางการเงินปรับตัวดีขึ้น

สถานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงแล้วปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 6.8 เท่าในปี 2563 จากที่ลดลงอย่างมากที่ -10.7 เท่าในปี 2562 อันมีสาเหตุเนื่องมาจากทั้งการเพิ่มขึ้นของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายรวมทั้งการลดลงของหนี้สินจากระดับสินค้าคงคลังที่ลดลง นอกจากนี้ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วยังลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ระดับ 30.1% ในปี 2563 จากระดับ 41.7% ในปี 2562 อีกด้วย

ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายประจำปีของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาทในช่วงปี 2564-2566 ในขณะที่หนี้สินที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทจะอยู่ที่ 2.0-2.7 พันล้านบาทซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 5-7 เท่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทจะค่อยๆ จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ในปี 2566

สถานะสภาพคล่องอยู่ในระดับที่ยอมรับได้

ทริสเรทติ้งประเมินว่าสถานะสภาพคล่องของบริษัทจะอยู่ในระดับที่เพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ เดือนธันวาคม 2563 บริษัทมีแหล่งเงินทุนประกอบด้วยเงินสดในมือจำนวน 2.47 พันล้านบาทและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 316 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานจำนวนประมาณ 250 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ อีกประมาณ 2.6 พันล้านบาทด้วย สภาพคล่องของบริษัทเหล่านี้คาดว่าจะเพียงพอสำหรับการชำระคืนหนี้และการลงทุนของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยบริษัทมีภาระในการชำระหนี้ระยะยาวจำนวนประมาณ 927 ล้านบาทในช่วงดังกล่าว ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2563 บริษัทมีหนี้เงินกู้ระยะสั้นคงค้างจำนวน 1.69 พันล้านบาท ในขณะที่มีงบลงทุนสำหรับปี 2564 จำนวนประมาณ 150 ล้านบาท

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขของหุ้นกู้ได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ เดือนธันวาคม 2563 อยู่ที่ 1.31 เท่าซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าเงื่อนไขของหุ้นกู้ที่กำหนดไว้ที่ 2.5 เท่า

เนื่องจากหนี้สินทางการเงินส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นหนี้สินของบริษัทย่อยและเป็นหนี้เงินกู้โครงการซึ่งมีการโอนสิทธิ์รับเงินไปที่เจ้าหนี้โครงการ ณ เดือนธันวาคม 2563 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่มีสิทธิ์เรียกร้องก่อนต่อหนี้สินทั้งหมดของบริษัทอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 50% ดังนั้น อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทจึงมีโอกาสที่จะต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กร 1 ขั้นซึ่งสะท้อนความเสี่ยงในเรื่องการด้อยสิทธิ์เชิงโครงสร้าง

สถานะเครดิตของผู้ค้ำประกัน

อันดับเครดิตองค์กรของธนาคารกสิกรไทยสะท้อนถึงสถานะในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของธนาคารซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของประเทศไทยเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ รวมถึงการที่ธนาคารมีพอร์ตเงินให้กู้ยืมที่หลากหลาย มีสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการทำกำไรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของธนาคารทั้งในด้านแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ถูกลดทอนลงจากการที่ธนาคารมีลูกค้าในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นจำนวนมากซึ่งมีความเปราะบางต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ในระหว่างปี 2564-2566 ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานสำหรับการดำเนินงานของบริษัทดังต่อไปนี้

? รายได้จะอยู่ระหว่าง 1.3-1.4 หมื่นล้านบาทต่อปี

? อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 3%-4%

? งบประมาณลงทุนจะอยู่ที่ประมาณทั้งสิ้น 150 ล้านบาท

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะในการแข่งขันในการประมูลงานโครงการต่อไปได้และจะยังรักษาระดับรายได้จากงานโครงการและมีอัตรากำไรที่สม่ำเสมอ

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นหากผลการดำเนินงานของบริษัทปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงบริษัทสามารถปรับปรุงอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงแล้วให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 5 เท่าได้อย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความสามารถในการประมูลโครงการที่อ่อนแอลงหรือเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมที่ลดลงอย่างมาก

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) (LOXLEY)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

LOXLEY22DA: หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนในวงเงินไม่เกิน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ