ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ทุนธนชาต” ที่ “A” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 12, 2022 10:36 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A? พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทเท่ากับอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ (Group Credit Profile ? GCP) ของกลุ่มธนชาตซึ่งสะท้อนอันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile ? SACP) ของบริษัทย่อยหลักของบริษัทซึ่งได้แก่ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงภาระหนี้สินทางการเงินที่อยู่ในระดับต่ำและแหล่งที่มาของผลกำไรที่มีความหลากหลายของบริษัทอีกด้วย

อันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทได้รับการปรับลดลง 1 ขั้นจากอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอันเนื่องมาจากการด้อยสิทธิในเชิงโครงสร้างและ/หรือลำดับความสำคัญที่ต่ำกว่าของสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้และ/หรือโอกาสในการได้รับชำระหนี้คืนของบริษัทเมื่อเปรียบเทียบกับสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ของบริษัทย่อยต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การปรับลดอันดับเครดิตลง 1 ขั้นดังกล่าวได้รับการชดเชยด้วยการปรับเพิ่มขึ้น 1 ขั้นจากการลงทุนขนาดใหญ่ในธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งสร้างกระแสเงินสดที่มีนัยสำคัญให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีความหลากหลาย

บริษัททุนธนชาตเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่มีการลงทุนในธุรกิจการเงินที่มีความหลากหลายซึ่งครอบคลุมถึงธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจด้านการเงินอื่น ๆ อันประกอบด้วยธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจประกัน ธุรกิจสินเชื่อที่มีสินทรัพย์เป็นหลักประกัน และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ตลอดจนธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจด้านการเงิน ทั้งนี้ อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทมีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทย่อยหลักของบริษัททั้ง 3 แห่ง คือ บริษัทราชธานีลิสซิ่ง บล. ธนชาต และบริษัทธนชาตประกันภัย ซึ่งสร้างกำไรรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 47% ของกำไรสุทธิรวมของกลุ่มทุนธนชาตในปี 2564 และคิดเป็น 21% ของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ในขณะที่เงินปันผลรับจากบริษัทลูกหลักดังกล่าวและจากธนาคารทหารไทยธนชาตรวมกันอยู่ที่จำนวน 2.46 พันล้านบาทในปี 2564

การลงทุนที่เพิ่มขึ้น

หลังจากการปรับโครงสร้างของกลุ่มทุนธนชาตในปี 2562 บริษัทก็ได้ทยอยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อยและบริษัทในเครือหลายแห่งในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทริสเรทติ้งมองว่าการดำเนินการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาและการสนับสนุนของบริษัทที่มีภายในกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในธนาคารทหารไทยธนชาตที่เพิ่มขึ้นเป็น 24.89% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 จาก 20.11% ณ สิ้นปี 2563 ในขณะเดียวกัน สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในบริษัทราชธานีลิสซิ่งก็เพิ่มขึ้นเป็น 60.61% จาก 58.85% ณ สิ้นปี 2563 ด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังได้ซื้อหุ้นใน บริษัท เอ็ม บี เค ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนเพิ่มเติมอีก 50% จาก บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อบริษัทดังกล่าวเป็น บริษัท ที ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) อีกด้วย ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินลงทุนในบริษัทลูกและบริษัทร่วมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Double Leverage Ratio) ของบริษัทอยู่ในระดับค่อนข้างสูงที่ 105.7% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565

บริษัทย่อยหลักมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง

อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทย่อยหลักของบริษัทมีปัจจัยสนับสนุนจากตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทย่อยเหล่านี้ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ โดยบริษัทราชธานีลิสซิ่งนั้นถือว่าเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีชื่อเสียงในตลาดเช่าซื้อรถบรรทุกและรถหรูมาอย่างยาวนาน ในขณะที่ บล. ธนชาตก็มีความได้เปรียบทางการแข่งขันในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ให้บริการแก่ลูกค้าสถาบันภายในประเทศ ส่วนบริษัทธนชาตประกันภัยก็ครองอันดับที่ 6 ของผู้ประกอบการในตลาดประกันภัยรถยนต์โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 4.78% ของเบี้ยประกันภัยรับรวมในปี 2564

ขยายสู่ธุรกิจสินเชื่อที่มีสินทรัพย์เป็นหลักประกัน

บริษัทยังมีการต่อยอดความเชี่ยวชาญในด้านบริการสินเชื่อด้วยการก่อตั้ง บริษัท ธนชาต พลัส จำกัด ในเดือนพฤษภาคม 2564 เพื่อให้บริการสินเชื่อที่มีอายุแน่นอน (Term Loan) และเงินทุนในการดำเนินงานโดยมีที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันแก่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอีกด้วย หลังจากการก่อตั้ง บริษัทลูกดังกล่าวก็มีสินเชื่อคงค้างที่ขยายตัวมาโดยตลอดจนอยู่ที่ระดับ 3.6 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 จากระดับ 2.1 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 แม้ว่าสัดส่วนกำไรจากบริษัทธนชาต พลัส ยังคงมีไม่มาก แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทดังกล่าวจะสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงในระยะ 3 ปีข้างหน้าจากการใช้กลยุทธ์ขยายเงินให้สินเชื่อ

ผลกำไรที่แข็งแกร่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการมีโครงสร้างธุรกิจที่มีการกระจายตัวดี

ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าบริษัทมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) โดยในปี 2564 บริษัทรายงานผลกำไรสุทธิที่จำนวน 6.7 พันล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 38.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่จำนวน 4.9 พันล้านบาท (ไม่รวมกำไรพิเศษจากการลงทุน) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้น 65.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 3.5 พันล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากการมีโครงสร้างธุรกิจที่กระจายตัวดี รวมทั้งตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทย่อยหลักในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบ ในบรรดาบริษัทย่อยของบริษัทนั้น บริษัทราชธานีลิสซิ่งยังคงเป็นบริษัทที่สร้างสัดส่วนกำไรสูงที่สุดให้แก่กลุ่มในปี 2564 ที่ระดับ 25.4% ของกำไรสุทธิรวมของกลุ่ม รองลงมาคือบริษัทธนชาตประกันภัยที่ระดับ 11.4% และ บล. ธนชาตที่ระดับ 9.8% อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการจ่ายเงินปันผลนั้น ธนาคารทหารไทยธนชาตเป็นบริษัทลูกที่จ่ายเงินปันผลมากที่สุดที่ประมาณ 1 พันล้านบาทในปี 2564

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทย่อยหลักของบริษัทจะสามารถรักษาอันดับเครดิตเฉพาะของตนเอาไว้ได้ในขณะที่บริษัทเองนั้นจะสามารถรักษาสถานะสภาพคล่องของตนเองและรักษาอัตราส่วนเงินลงทุนในบริษัทลูกและบริษัทร่วมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเอาไว้ไม่ให้เกินระดับ 120%

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตองค์กรและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทย่อยหลักของบริษัทจนถึงระดับที่ทำให้สามารถปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มของบริษัทได้ ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากมีการปรับลดอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทย่อยหลักของบริษัทจนถึงระดับที่ทำให้อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มของบริษัทได้รับการปรับลดลง และ/หรือความเสี่ยงด้านสภาพคล่องระยะสั้นหรือความเสี่ยงในการกู้ยืมใหม่ (รีไฟแนนซ์) ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ/หรืออัตราส่วนเงินลงทุนในบริษัทลูกและบริษัทร่วมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทปรับเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าระดับ 120% ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงได้หากบริษัทลดสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารทหารไทยธนชาตอย่างมีนัยสำคัญ

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP)

อันดับเครดิตองค์กร: A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

TCAP22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A

TCAP238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

TCAP23OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

TCAP246A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A

TCAP248B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A

TCAP24OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A

TCAP256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A

TCAP258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A

TCAP26OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,690 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A

TCAP26OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 640 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A

TCAP30OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A

TCAP30OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,770 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ภายใต้โครงการ Medium-Term Notes Program ปี พ.ศ. 2565 A

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ