บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้นำในธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้าในประเทศไทย ความสำเร็จและผลงานในการบริหารพื้นที่ค้าปลีกในศูนย์การค้า ความสม่ำเสมอของกระแสเงินสดจากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ ตลอดจนนโยบายทางการเงินที่มีความระมัดระวัง ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังพิจารณาถึงแผนการขยายงานของบริษัทที่มีค่อนข้างมาก ความเสี่ยงในการต่อสัญญาเช่าที่ดินของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ตลอดจนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวลงเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงขึ้น
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความสามารถในการรักษาสถานภาพทางการตลาดของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนาในธุรกิจบริหารพื้นที่ค้าปลีกโดยการขยายสาขาใหม่และซื้อกิจการศูนย์การค้าที่มีอยู่เดิม แม้จะมีแผนการลงทุนที่สูงในระหว่างปี 2551-2553 แต่ก็คาดว่าบริษัทจะยังคงดำรงนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังโดยการรักษาอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1 เท่า
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาเป็นผู้พัฒนาศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยมีตระกูลจิราธิวัฒน์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 32% รองลงมาคือ บริษัท เซ็นทรัล โฮลดิ้ง จำกัด ในสัดส่วน 27% การเป็นบริษัทในเครือเซ็นทรัลทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการมีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเป็นผู้เช่าพื้นที่รายสำคัญ ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา พื้นที่ค้าปลีกของบริษัทมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6.9% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการขยายตัวของพื้นที่ค้าปลีกรวมในเขตกรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 4.2% ต่อปี ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้าจำนวน 10 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดสำคัญๆ และเป็นผู้ประกอบการอันดับ 1 ของประเทศในธุรกิจพื้นที่ค้าปลีก โดยมีพื้นที่รวม 697,034 ตารางเมตร (ตร.ม.) คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดของพื้นที่ค้าปลีกถึง 23% ลดลงจาก 28% ในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ คาดว่าภายหลังการเปิดให้บริการของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ในช่วงปลายปี 2551 และเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช ในช่วงต้นปี 2552 ตามลำดับแล้ว จะส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทเซ็นทรัลพัฒนามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่ในระดับสูงมาโดยตลอด อีกทั้งยังมีการเติบโตจากรายได้ค่าเช่าของศูนย์การค้าสาขาเดิมอย่างสม่ำเสมอ บริษัทมีอัตราการเช่าโดยเฉลี่ยของศูนย์การค้าทั้ง 10 แห่งที่ระดับ 94.4% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และอยู่ที่ระดับ 95.7% ณ เดือนมีนาคม 2551 ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเช่าที่เพิ่มขึ้นภายหลังการปรับปรุงศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา รามอินทรา และเซ็นทรัลพลาซา รัตนาธิเบศร์ บริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้ค่าเช่าของศูนย์การค้าสาขาเดิมเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอโดยอยู่ที่ระดับ 13% ในปี 2549 และ 14% ในปี 2550 สัดส่วนรายได้จากอาคารสำนักงานก็เพิ่มสูงขึ้นจาก 3.8% ของรายได้รวมในปี 2547 เป็น 9.5% ของรายได้รวมในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2551 ภายหลังการเปิดให้บริการของอาคารสำนักงานเซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า ทาวเวอร์ บี
บริษัทมีนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังโดยเห็นได้จากวินัยในการดำรงอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไว้ที่ระดับไม่เกิน 1 เท่า จากแผนการขยายธุรกิจในช่วงปี 2551-2553 บริษัทมีความต้องการเงินลงทุนประมาณ 6,000-10,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ แผนการให้เช่าหรือเช่าช่วงศูนย์การค้าที่มีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาทแก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุนไว้ได้ตามเป้าหมาย การเปิดศูนย์การค้าใหม่อีก 4 แห่งภายในปี 2552 น่าจะช่วยชดเชยรายได้ที่หายไปหากศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ไม่ได้ต่อสัญญาเช่าที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย
อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคถดถอยลง ในเดือนมีนาคม 2551 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 80.7 แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีแนวโน้มลดลงโดยอยู่ที่ระดับ 78 ในเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในช่วงปลายปี 2550 ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CPN093A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2552 คงเดิมที่ A+
CPN096A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2552 คงเดิมที่ A+
CPN096B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2552 คงเดิมที่ A+
CPN10DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ A+
CPN126A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
-------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2551 ห้ามไม่มิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความสามารถในการรักษาสถานภาพทางการตลาดของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนาในธุรกิจบริหารพื้นที่ค้าปลีกโดยการขยายสาขาใหม่และซื้อกิจการศูนย์การค้าที่มีอยู่เดิม แม้จะมีแผนการลงทุนที่สูงในระหว่างปี 2551-2553 แต่ก็คาดว่าบริษัทจะยังคงดำรงนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังโดยการรักษาอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1 เท่า
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาเป็นผู้พัฒนาศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยมีตระกูลจิราธิวัฒน์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 32% รองลงมาคือ บริษัท เซ็นทรัล โฮลดิ้ง จำกัด ในสัดส่วน 27% การเป็นบริษัทในเครือเซ็นทรัลทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการมีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเป็นผู้เช่าพื้นที่รายสำคัญ ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา พื้นที่ค้าปลีกของบริษัทมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6.9% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการขยายตัวของพื้นที่ค้าปลีกรวมในเขตกรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 4.2% ต่อปี ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้าจำนวน 10 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดสำคัญๆ และเป็นผู้ประกอบการอันดับ 1 ของประเทศในธุรกิจพื้นที่ค้าปลีก โดยมีพื้นที่รวม 697,034 ตารางเมตร (ตร.ม.) คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดของพื้นที่ค้าปลีกถึง 23% ลดลงจาก 28% ในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ คาดว่าภายหลังการเปิดให้บริการของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ในช่วงปลายปี 2551 และเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช ในช่วงต้นปี 2552 ตามลำดับแล้ว จะส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทเซ็นทรัลพัฒนามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่ในระดับสูงมาโดยตลอด อีกทั้งยังมีการเติบโตจากรายได้ค่าเช่าของศูนย์การค้าสาขาเดิมอย่างสม่ำเสมอ บริษัทมีอัตราการเช่าโดยเฉลี่ยของศูนย์การค้าทั้ง 10 แห่งที่ระดับ 94.4% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และอยู่ที่ระดับ 95.7% ณ เดือนมีนาคม 2551 ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเช่าที่เพิ่มขึ้นภายหลังการปรับปรุงศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา รามอินทรา และเซ็นทรัลพลาซา รัตนาธิเบศร์ บริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้ค่าเช่าของศูนย์การค้าสาขาเดิมเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอโดยอยู่ที่ระดับ 13% ในปี 2549 และ 14% ในปี 2550 สัดส่วนรายได้จากอาคารสำนักงานก็เพิ่มสูงขึ้นจาก 3.8% ของรายได้รวมในปี 2547 เป็น 9.5% ของรายได้รวมในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2551 ภายหลังการเปิดให้บริการของอาคารสำนักงานเซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า ทาวเวอร์ บี
บริษัทมีนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังโดยเห็นได้จากวินัยในการดำรงอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไว้ที่ระดับไม่เกิน 1 เท่า จากแผนการขยายธุรกิจในช่วงปี 2551-2553 บริษัทมีความต้องการเงินลงทุนประมาณ 6,000-10,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ แผนการให้เช่าหรือเช่าช่วงศูนย์การค้าที่มีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาทแก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุนไว้ได้ตามเป้าหมาย การเปิดศูนย์การค้าใหม่อีก 4 แห่งภายในปี 2552 น่าจะช่วยชดเชยรายได้ที่หายไปหากศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ไม่ได้ต่อสัญญาเช่าที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย
อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคถดถอยลง ในเดือนมีนาคม 2551 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 80.7 แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีแนวโน้มลดลงโดยอยู่ที่ระดับ 78 ในเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในช่วงปลายปี 2550 ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CPN093A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2552 คงเดิมที่ A+
CPN096A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2552 คงเดิมที่ A+
CPN096B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2552 คงเดิมที่ A+
CPN10DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ A+
CPN126A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
-------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2551 ห้ามไม่มิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว