
ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวแห่งความสำเร็จของวงการแฟชั่นและวัฒนธรรมไทย เมื่อ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม จับมือกับ เอก ทองประเสริฐดีไซเนอร์ไทยชื่อดังจาก Collector Project และ เฉลิมเกียรติ คติเกษมเลิศ ดีไซเนอร์ไทยชื่อดังจาก Maison Wonder Anatomie ร่วมผนึกกำลังครั้งสำคัญใน "โครงการพัฒนาการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมสมัยเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ: การออกแบบแฟชั่นและเครื่องแต่งกายร่วมสมัย" ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Soft Power ของประเทศ พร้อมผลักดันศักยภาพนักออกแบบไทยและคุณค่าของผ้าทอในแต่ละท้องถิ่น ให้เป็นที่ประจักษ์ในวงกว้างและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

นางเกษร กำเหนิดเพ็ชร ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักของโครงการฯ ที่มุ่งมั่นผลักดันศักยภาพของนักออกแบบไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล พร้อมทั้งเชิดชูคุณค่าของผ้าทอในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งเป็นมรดกทางภูมิปัญญาอันล้ำค่าจากรุ่นสู่รุ่นให้เป็นที่ประจักษ์ในวงกว้าง สำคัญที่สุดคือการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนให้กับชุมชนและประเทศชาติ
"เป็นที่ทราบกันดีว่า Soft Power ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม การออกแบบแฟชั่นและเครื่องแต่งกายร่วมสมัย นับเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญในการเผยแพร่อัตลักษณ์และคุณค่าของความเป็นไทยสู่เวทีระดับสากล เราเชื่อมั่นว่า ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบไทย บวกกับความงดงามและเอกลักษณ์ของผ้าทอพื้นเมือง สามารถสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่นที่โดดเด่น มีคุณค่า และเป็นที่ต้องการในตลาดโลกได้ โครงการนี้จึงเป็นเวทีสำคัญในการนำผ้าทอมาประยุกต์ใช้ในงานออกแบบร่วมสมัย นำเสนอผ่านบุคคลที่มีชื่อเสียงในหลากหลายวงการ และยังช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการได้อีกด้วย"
การร่วมมือกันในครั้งนี้ มีเป้าหมายในการนำต้นทุนทางวัฒนธรรมไทยอย่าง 'ผ้าทอ' และ 'หัตถกรรมพื้นถิ่น' มาต่อยอดสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย นำเสนอผ่านมุมมองของดีไซเนอร์ไทยผู้มีวิสัยทัศน์และปรัชญาในการออกแบบลึกซึ้ง เพื่อยกระดับการตีความผ้าไทยให้หลุดจากกรอบเดิมๆ และสื่อสารด้วยภาษาสากลที่ทั่วโลกเข้าใจได้ ผสมผสานรากเหง้าทางวัฒนธรรมเข้ากับเทคนิคและมุมมองที่ร่วมสมัย โดย เอก ทองประเสริฐ มองว่า ผ้าไทยไม่ได้เป็นเพียงวัตถุดิบ หากแต่คือ "ผืนผ้าใบที่เต็มไปด้วยเรื่องราว" ทั้งประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และภูมิปัญญาของช่างฝีมือ
"ผมรู้สึกเป็นเกียรติและตื่นเต้นมากๆ ที่ได้ร่วมงานกับ สศร. ในโครงการนี้ สำหรับผมการทำงานกับผ้าไทย คือการทำความเข้าใจถึงแก่นแท้และจิตวิญญาณของแต่ละชุมชน ไม่ใช่เพียงแค่การนำลวดลายพื้นเมืองมาใช้ แต่คือการตีความใหม่ (Re-interpretation) เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ยังคงเคารพรากเหง้าของแต่ละชุมชน ขณะเดียวกันก็สามารถสื่อสารกับคนยุคใหม่ เพื่อแสดงให้เห็นว่าแฟชั่นไทยร่วมสมัยนั้นมีทั้งความเท่ ความลึกซึ้ง และมีพลังพอที่จะเป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศได้อย่างแท้จริง"
นอกจากนี้ โครงการฯ ยังได้จัดกิจกรรม "เผยแพร่เครื่องแต่งกายไทยร่วมสมัยผ่านบุคคลที่มีชื่อเสียง" เพื่อนำผลงานการออกแบบที่โดดเด่นและมีสไตล์ ให้บุคคลที่มีชื่อเสียงจากหลายหลายวงการสวมใส่ในโอกาสต่างๆ เพื่อสร้างกระแสความนิยมและทำให้แฟชั่นผ้าไทยร่วมสมัยเข้าไปอยู่ในใจของผู้คนมากขึ้น โดยได้คัดเลือกศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงอย่าง 'ASIA7' (เอเชียเซเว่น) วงดนตรีสัญชาติไทยที่มีความโดดเด่นในการผสมผสานดนตรีไทยและดนตรีสากลเข้าด้วยกัน ทำให้แนวดนตรีของพวกเขาได้รับคำนิยามหลากหลาย เช่น ป็อป แจ๊ส ไทยร่วมสมัย และเวิลด์ มิวสิก สร้างชื่อเสียงในเวทีต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เยาวชนไทย
"ในฐานะตัวแทน ASIA7 รู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่สวมใส่เสื้อผ้าที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย โดยเฉพาะการนำผ้าไทยมาผสมผสานเข้ากับการออกแบบที่ดูร่วมสมัยและมีสไตล์ สะท้อนกลิ่นอายของวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดผ่านผืนผ้าได้อย่างดี ทุกรายละเอียดบ่งบอกถึงความตั้งใจและความคิดสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์ ที่ต้องการยกระดับผ้าไทยให้ก้าวสู่แฟชั่นระดับสากล มันไม่ใช่แค่เสื้อผ้าแต่คือผลงานศิลปะที่สวมใส่ได้จริง และสะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่ได้อย่างมีเอกลักษณ์" ออย - อมรภัทร เสริมทรัพย์ นักร้องนำวง ASIA7 แห่งค่าย Gene Lab กล่าวชื่นชม
สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) เชื่อมั่นว่า การผสานพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์มากความสามารถ เข้ากับเสน่ห์ของมรดกผ้าไทย และอิทธิพลของบุคคลที่มีชื่อเสียง จะกลายเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมแฟชั่นจากผ้าไทย ให้ก้าวไกลสู่เวทีระดับสากล สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางแห่งความคิดสร้างสรรค์ต่อไป ผู้สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและชมผลงานอันน่าทึ่งของโครงการฯ ได้ทางเพจ สำนักงานศิลปวัฒธรรมร่วมสมัย หรือเว็บไซต์: https://www.ocac.go.th/