นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขับเคลื่อนให้เอ็มไอที เคมบริดจ์ และอิมพิเรียล ก้าวสู่ระดับความเป็นผู้นำในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย Quacquarelli Symonds ประจำปี 2557 (QS World University Rankings 2014)

ข่าวต่างประเทศ Tuesday September 16, 2014 09:11 —ข่าวประชาสัมพันธ์พีอาร์นิวส์ไวร์

ลอนดอน--16 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ www.TopUniversities.com/rankings2014 #QSWUR การมุ่งเน้นด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบสูงในระดับโลกเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของความเป็นผู้นำในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย Quacquarelli Symonds (QS World University Rankings) (Logo: http://photos.prnewswire.com/prnh/20140915/705973 ) นับเป็นปีที่สามแล้วที่เอ็มไอทีเป็นผู้นำในการจัดอันดับดังกล่าว โดยมีการอ้างอิงถึงต่อคณะเพิ่มขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อิมพิเรียล คอลเลจ ลอนดอน ก็มีการรายงานถึงการเพิ่มขึ้น 14% เช่นเดียวกันจากมาตรวัดนี้ โดยเปรียบเทียบกับเคมบริดจ์ซึ่งเพิ่มขึ้น 11% และฮาร์วาร์ดซึ่งเพิ่มขึ้น 2% การเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยในมิตินี้ของมหาวิทยาลัยทั้ง 10 อันดับแรกอยู่ที่ 7% แคลเทคยังคงเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นของโลกที่มีการอ้างอิงถึงมากที่สุดในด้านการวิจัย สถาบันทั้งสิบอันดับแรกได้รับคะแนนดีเยี่ยมในด้านชื่อเสียงทางการศึกษา ชื่อเสียงในการจ้างงาน อัตราส่วนของจำนวนนักศึกษาต่อคณะ หรือมาตรการด้านคณะอาจารย์ผู้สอนและนักศึกษาต่างชาติ ผลการดำเนินงานของอิมพิเรียล คอลเลจ ลอนดอน ในด้านของการมีการอ้างอิงถึงต่อคณะ ได้ช่วยให้สถาบันสามารถเลื่อนอันดับได้มากที่สุดในบรรดามหาวิทยาลัยสิบอันดับแรก โดยก้าวแซงฮาร์วาร์ด ยูซีแอล และอ๊อกฟอร์ด มาอยู่ที่อันดับสองของโลกร่วมกับมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สิบอันดับแรกของโลก 2557 2556 สถาบัน 1 1 สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์(เอ็มไอที) 2= 3 มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ 2= 5 อิมพิเรียล คอลเลจ ลอนดอน 4 2 มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด 5= 6 มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด 5= 4 ยูซีแอล (ยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน) 7 7 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 8 10 สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย(แคลเทค) 9 10 มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน 10 8 มหาวิทยาลัยเยล (C) QS Quacquarelli Symonds 2004-2014 ทั้งนี้ มีทั้งหมด 31 ประเทศที่ติดอันดับในจำนวน 200 อันดับแรก โดยสหรัฐฯ เป็นประเทศในระดับแนวหน้าด้วย 51 สถาบัน นำหน้าสหราชอาณาจักร (29) เยอรมนี (13) เนเธอร์แลนด์ (11) แคนาดา (10) ญี่ปุ่น (10) และ ออสเตรเลีย (8) สำหรับสถาบันที่เลื่อนอันดับได้เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 สิบสถาบันแรกคือ เอ็มไอที มหาวิทยาลัยซุงคยุนควัน (เกาหลี) อีพีเอฟแอล (สวิตเซอร์แลนด์) สแตนฟอร์ด แอลเอ็มยู มึนเชิ่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนานยาง (สิงคโปร์) มหาวิทยาลัยโคเรีย มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง (จีน) ควีนแมรี่ มหาวิทยาลัยลอนดอน และ อีทีเอช ซูริค โดยแปดสถาบันจากจำนวนนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี “ในยุคแห่งภาวะเศรษฐกิจซบเซา แหล่งเงินทุนของทั้งภาครัฐบาลและเอกชนต่างก็มุ่งเน้นความสำคัญมากยิ่งขึ้นที่การศึกษาวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) ที่ส่งผลกระทบสูง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะดำเนินการในสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษ” เบน เซาว์เตอร์ หัวหน้าฝ่ายการวิจัยของ QS กล่าว “สถาบันที่เน้นด้านเทคโนโลยีต่างๆ กำลังเพิ่มการมุ่งเน้นไปที่การแข่งขันเพื่อความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในระดับโลก ด้วยงบประมาณของแหล่งเงินทุนภาครัฐที่มีอยู่อย่างจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าสถาบันเหล่านี้จะมุ่งเน้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในการทำงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการแพทย์ ซึ่งมีแนวโน้มในการสร้างรายได้สูง” การจัดอันดับมหาวิทยาลัยของ QS ทำให้เราได้เห็นถึงวิวัฒนาการของการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมานานนับศตวรรษ ซึ่งช่วยชี้แนวทางให้แก่บรรดาผู้บริหารสถาบันการศึกษา รวมทั้งนักศึกษาทั้งหลายที่ QS มีความมุ่งมั่นในการให้บริการแก่พวกเขา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ