(เพิ่มเติม) ก.ทรัพย์ฯเร่งทำแผนแม่บทบริหารจัดการน้ำฉบับใหม่ คาดประกาศได้กลาง ต.ค.57

ข่าวทั่วไป Thursday July 24, 2014 18:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทในการบริหารจัดการน้ำฉบับใหม่ แทนฉบับเก่าที่เคยมีการจัดทำ 9 โมดูล ภายใต้งบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งถูกชะลอไปหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้ามาดูแล โดย คสช.ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ที่มี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.เป็นปะธาน เพื่อจัดทำแผนแม่บทน้ำฉบับใหม่ โดยเน้นการบริหารจัดการน้ำ 3 เรื่องคือ น้ำท่วม, น้ำแล้ง และน้ำเสีย

สำหรับแผนการใช้น้ำของประเทศไทยที่กำลังจัดทำจะเน้นแก้ปัญหาพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา 90% และจะเน้นเพื่อรักษาระบบนิเวศน์เป็นหลัก รองลงมา คือ เพื่อการอุปโภคบริโภค, เพื่อการเกษตร อันดับสุดท้าย คือเพื่อการท่องเที่ยว จากเดิมที่ประเทศไทยใช้น้ำเพื่อการเกษตร 70% เพื่อรักษาระบบนิเวศน์ 18% เพื่ออุปโภคบริโภค 4% และเพื่อการท่องเที่ยว 3%

นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการที่ดูแลเรื่องแผนแม่บทน้ำฉบับใหม่ ใช้ชื่อว่า "คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการน้ำ" มีอนุกรรมการ 5 คณะ ประกอบด้วย 1.อนุกรรมการดูแลพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ตะวันออก ตะวันตก ซึ่งจะมีปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานอนุกรรมการ 2.อนุกรรมการดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ 3.อนุกรรมการดูแลระบบข้อมูล ซึ่งบทเรียนจากน้ำท่วมใหญ่ปี 54 พบว่านอกจากปัญหาเรื่องฝนแล้วปัญหาเรื่องระบบข้อมูลมีส่วนสำคัญอย่างมาก 4.อนุกรรมการด้านโครงสร้างองค์กรด้านน้ำ ที่จะพิจารณาว่าควรจะมีการจัดตั้งกระทรวงน้ำหรือไม่ หรือควรจะมีบอร์ดน้ำหรือไม่ และ 5.อนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ ซึ่งแผนแม่บทเดิมการประชาสัมพันธ์มีความอ่อนแอมาก

"ภายใน 30 ก.ค.นี้ อนุกรรมการทั้ง 5 คณะ จะต้องรายงานกรอบการทำงานในส่วนที่รับผิดชอบดูแล รวมทั้งงบประมาณที่ต้องใช้ หลังจากนั้นคณะกรรมการชุดใหญ่ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำอีก 8 คน จะเข้ามาช่วยดูและรวบรวมกรอบทำงานทั้งหมด รวมทั้งงบประมาณราวกลางเดือนก.ย.57 จะได้เป็นแผนบูรณาจนกลายเป็นแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำประกาศให้ประชาชนรับทราบวันที่ 15 ต.ค.57"

ด้านนายเจน นำชัยศิริ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.มีแนวทางสร้างความเข้มแข็งให้ภาคอุตสาหกรรมมาตลอด แต่ในช่วงระยะหลัง ส.อ.ท.พยายามระดมสมองและมองปัญหาสำคัญที่อาจจะเกิดในอนาคตเช่นเดียวกับเรื่องน้ำคือ เรื่องก๊าซในอ่าวไทยที่อาจจะหมดไปในอีก 7-8 ปีข้างหน้า และอาจจะต้องมีการนำเข้า ซึ่งจะเป็นอุปสรรคทำให้ขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทยลดลงหรือไม่

ทั้งนี้ มองว่าสิ่งที่ประเทศไทยต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ การมีแหล่งเชื้อเพลิงประเภท Bio Base โดยจำเป็นต้องมีการเพิ่ม Yeild สินค้าเกษตรด้านพลังงาน เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน อาจจะต้องเร่งจัดทำโซนนิ่งระหว่างพืชอาหารและพืชพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ทั้ง 2 ประเภท

"ถ้าเราจะสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรม ก็ควรจะเริ่มทำตั้งแต่วันนี้"นายเจน กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ