เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของนายพงศธร ศิริโยธิน จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นอดีตประธานกรรมการสินเชื่อ ธนาคารกรุงไทย (KTB) และ บมจ.กฤษดามหานคร จำเลยที่ 20 ในคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะจำเลยที่ 1 พร้อมพวกที่ประกอบด้วย ประธานกรรมการ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานธนาคาร รวมถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตปล่อยสินเชื่อของ KTB ให้กับกฤษดามหานคร 9.9 พันล้านบาท ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ, ยักยอก ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และ ความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
คดีนี้นายพงศธร และ บมจ.กฤษดามหานคร ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาว่า มีพยานหลักฐานใหม่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ แต่องค์คณะพิจารณาอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานที่ยื่นมาไม่ต้องด้วยบทนิยามของพยานหลักฐานใหม่ที่อาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ ดังนั้น อุทธรณ์ของจำเลยทั้ง 2 จึงไม่ชอบด้วยระเบียบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าวไว้พิจารณา