เอแบคโพลล์ เผยนโยบายที่คนกรุงเทพฯและปริมณฑลอยากให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมมากสุด คือ การแก้ไขปัญหาสังคมเป็นเรื่องแรก โดยเฉพาะยาเสพติดและอาชญากรรม ตามด้วยการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในภาคใต้, ปัญหาราคาสินค้า, ปัญหาราคาเชื้อเพลิง, ปัญหาทุจริตในแวดวงราชการ และปัญหาทุจริตในแวดวงการเมือง
"นโยบายที่ต้องการให้เป็นจริงภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งนั้นพบว่าร้อยละ 77.7 ระบุนโยบายแก้ปัญหาสังคม เช่น ยาเสพติด อาชญากรรม รองลงมาคือร้อยละ 59.6 ระบุการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 56.4 ระบุนโยบายแก้ปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ร้อยละ 56.0 ระบุนโยบายแก้ปัญหาราคาเชื้อเพลิง เช่น แก๊ส น้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 55.2 ระบุแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในกลุ่มข้าราชการ และร้อยละ 55.0 ระบุแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในกลุ่มนักการเมือง" นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบค นวัตกรรมทางสังคม การจัดการ และธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญพบว่ากว่าครึ่งหนึ่งคือร้อยละ 56.3 ระบุการนำเสนอนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ยังไม่ชัดเจนเพียงพอ อีกร้อยละ 29.1 ระบุไม่มีความชัดเจนเลย ขณะที่มีเพียงร้อยละ 14.6 ที่ระบุว่าชัดเจนแล้ว
ส่วนพรรคการเมืองในใจในการเลือกตั้งครั้งนี้พบว่าประมาณ 1 ใน 3 คือ ร้อยละ 39.9 มีพรรคการเมืองที่อยู่ในใจแล้ว แต่อีกกว่าครึ่งหนึ่งคือร้อยละ 50.5 ยังไม่มีพรรคการเมืองในใจ ร้อยละ 5.8 กำลังมองๆ อยู่ และร้อยละ 3.8 มีแล้วแต่อาจเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคอื่น
สำหรับแหล่งข้อมูลที่มีผลต่อการชี้นำในการตัดสินใจเลือกตั้งในครั้งนี้พบว่า ร้อยละ 50.0 ระบุข้อมูลจากสื่อมวลชน รองลงมาคือร้อยละ 34.2 ระบุข้อมูลจากหัวหน้าพรรคการเมือง ร้อยละ 34.0 ระบุข้อมูลจากนักวิเคราะห์ข่าว และร้อยละ 33.8 ระบุข้อมูลจากคนในครอบครัว นอกจากนี้ยังพบว่า สื่อมวลชนยังเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้ที่ยังไม่มีพรรคการเมืองในใจ รองลงมาคือข้อมูลจากคนในครอบครัว และข้อมูลจากนักวิเคราะห์ข่าว
ทั้งนี้ เอแบคโพลล์ได้ทำการสำรวจเรื่อง นโยบายและพรรคการเมืองในใจของประชาชน จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไปในกลุ่มจังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล(นนทบุรีและสมุทรปราการ) จำนวนทั้งสิ้น 1,548 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 28 พ.ย.1 ธ.ค.ที่ผ่านมา
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--