กษ.ผลักดันมาตรการนำเข้าเมล็ดกาแฟ หนุนพัฒนาการผลิต-รับซื้อผลผลิตในปท.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 21, 2010 11:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเฉลิมพร พิรุณสาร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพืชสวน เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบการพิจารณามาตรการนำเข้าเมล็ดกาแฟเพื่อใช้ในประเทศ ภายใต้ AFTA ปี 2554 โดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจแปรรูปกาแฟ และเป็นนิติบุคคลเป็นผู้นำเข้า ภายใต้เงื่อนไขและการกำกับ ดูแลของคณะอนุกรรมการพืชสวนกำหนด โดยให้นำเข้าเมล็ดกาแฟเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเท่านั้น ห้ามจำหน่ายหรือแจกจ่ายเป็นวัตถุดิบในประเทศ ทั้งนี้ ให้นำเข้าในช่วงเวลาระหว่างเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม

พร้อมทั้ง กำหนดให้ผู้มีสิทธินำเข้าเมล็ดกาแฟจะต้องรับซื้อผลผลิตกาแฟในประเทศในส่วนของฤดูกาลถัดไปเป็นปริมาณสองเท่าจากปริมาณที่นำเข้าจริงตามราคาตลาดโลก หรือหากราคาตลาดโลกตกต่ำให้รับซื้อในราคาต้นทุนการผลิตบวก 20% หรืออย่างน้อย 55 บาทต่อกิโลกรัม โดยคุณสมบัติของผู้นำเข้าจะต้องมีประวัติการรับซื้อภายในประเทศย้อนหลัง 1-2 ปี และมีใบอนุญาตผลิตอาหารด้วย พร้อมทั้งต้องรายงานการนำเข้า การใช้ และสต๊อกคงเหลือภายใน 1 เดือน ซึ่งมีบทลงโทษหากไม่ดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม มาตรการนำเข้าเมล็ดกาแฟเพื่อใช้ในประเทศ ภายใต้ AFTA ปี 2554 ดังกล่าวจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ที่มี รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิจารณารายละเอียดเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป

นายเฉลิมพร กล่าวต่อว่า กรมพัฒนาที่ดิน ได้กำหนดเขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจกาแฟ ตามแผนยุทธศาสตร์กาแฟ ปี 2552-2556 เพื่อกำหนดเขตการใช้ที่ดินที่เหมาะสมทั้งทางด้านกายภาพ เศรษฐกิจและสังคมสำหรับการปลูกกาแฟ และเป็นข้อมูลในการวางแผนการผลิต การตลาด สำหรับการส่งออก และการบริโภคภายในประเทศ โดยแบ่งเขตการใช้ที่ดินตามความเหมาะสมของที่ดิน และตามศักยภาพของพื้นที่เป็น 4 เขต ได้แก่ เขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจกาแฟที่มีความเหมาะสม หรือ Z-1 เนื้อที่รวม 83,502 ไร่ เขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจกาแฟที่มีความเหมาะสมแต่ต้องมีมาตรการเสริมด้านการจัดการพื้นที่ หรือ Z-2 เนื้อที่รวม 1,571 ไร่ เขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจกาแฟที่มีความเหมาะสมปานกลาง หรือ Z-3 เนื้อที่รวม 949 ไร่ และเขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจกาแฟที่มีความเหมาะสมปานกลาง แต่ต้องมีมาตรการเสริมด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างเหมาะสม หรือ Z-4 มีเนื้อที่รวม 63,926 ไร่

สำหรับสถานการณ์การตลาดของเมล็ดกาแฟในประเทศไทย ตั้งแต่ ม.ค.-ต.ค.2553 มีการส่งออกเมล็ดกาแฟรวมทั้งสิ้น 36,871 ตัน คิดเป็นมูลค่า 3,768 ล้านบาท แบ่งเป็น เมล็ดกาแฟดิบ 253 ตัน คิดเป็นมูลค่า 33.2 ล้านบาท เมล็ดกาแฟคั่ว 174 ตัน คิดเป็นมูลค่า 29 ล้านบาทกาแฟสำเร็จรูป 6,313 ตัน คิดเป็นมูลค่า 888 ล้านบาท และกาแฟสำเร็จรูปอื่นๆ หรือกาแฟที่ผสมทันที 30,130 ตัน คิดเป็นมูลค่า 2,817 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ