กรมเจ้าท่าประกาศให้แม่น้ำเจ้าพระยา-ป่าสักเป็นพื้นที่ควบคุมการเดินเรือ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 8, 2011 18:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้ลงนามในประกาศกรมเจ้าท่าเรื่องการกำหนดให้แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสักเป็นพื้นที่ควบคุมการเดินเรือสำหรับเรือลำเลียงและเรือลากจูงเป็นการเฉพาะคราว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยต่อการเดินเรือลำเลียง ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงน้ำหลาก และกระแสน้ำแรง

ทั้งนี้ กำหนดให้การลากจูงเรือลำเลียงนั้น เรือลากจูงต้องมีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่า 190 แรงม้า ขณะจูงต้องมีความเร็วชั่วโมงละ 2 ไมล์ หรือ 3.21 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นอย่างน้อยในเวลาทวนน้ำ พร้อมกำหนดให้เรือลากจูงต้องมีวิทยุสื่อสารที่สามารถติดต่อกับเจ้าพนักงานนำร่องหรือเจ้าหน้าที่ของกรมฯได้

นอกจากนั้น ยังกำหนดให้ลากจูงเรือลำเลียงได้โดยความยาวของการพ่วงเรือลำเลียงนับจากท้ายเรือลากจูงถึงท้ายเรือลำเลียงลำสุดท้ายต้องมีความยาวไม่เกิน 200 เมตร โดยเรือลากจูงที่มีเครื่องจักรเกินกว่า 300 แรงม้า ให้สามารถจูงเรือลำเลียงขนาดไม่เกิน 400 ตันกรอส ในขณะบรรทุกสินค้าได้ไม่เกิน 4 ลำ จูงเรือลำเลียงขนาด 400 -600 ตันกรอส ในขณะบรรทุกสินค้าได้ไม่เกิน 3 ลำ จูงเรือลำเลียงขนาด 600 -1,000 ตันกรอส ในขณะบรรทุกสินค้าได้ไม่เกิน 2 ลำ จูงเรือลำเลียงขนาดเกินกว่า 1,000 ตันกรอสขึ้นไปในขณะบรรทุกสินค้าได้ไม่เกิน 1 ลำ และจูงเรือลำเลียงทุกขนาดในขณะไม่ได้บรรทุกสินค้าไม่เกิน 4 ลำ

ส่วนเรือลากจูงที่มีกำลังเครื่องจักร 190-300 แรงม้า ให้จูงเรือลำเลียงขนาดไม่เกิน 400 ตันกรอสในขณะบรรทุกสินค้าได้ไม่เกิน 3 ลำ จูงเรือลำเลียงขนาด 400-1,000 ตันกรอสในขณะบรรทุกสินค้าได้ไม่เกิน 2 ลำ และจูงเรือลำเลียงทุกขนาดในขณะไม่ได้บรรทุกสินค้าไม่เกิน 4 ลำ

ทั้งนี้ ในประกาศดังกล่าวยังกำหนดให้การลากจูงเรือลำเลียงในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงระหว่างอำเภอเมือง จังหวัดอ่างทองถึงใต้สามแยกวัดพนัญเชิง 500 เมตร อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วงระหว่างสะพานพระราม 4 ถึงวัดเชิงเลน จังหวัดนนทบุรี และช่วงระหว่างสะพานพระปิ่นเกล้า ถึงสะพานสาธร กรุงเทพฯ ต้องมีเรือดึงท้ายหรือเรือโต่งท้ายด้วย โดยเรือดึงท้ายจะต้องมีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่ากำลังเครื่องจักรของเรือลากจูง ขณะเดียวกันการลากจูงเรือลำเลียงในแม่น้ำป่าสัก ต้องมีเรือดึงท้ายด้วยเช่นกัน

"ประกาศนี้ไม่ได้ประกาศเนื่องจากเหตุเรือบรรทุกน้ำตาลล่ม แต่กรมได้ตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยในการเดินเรือของเรือลำเลียงตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา และได้ข้อสรุปดังกล่าวจึงประกาศให้บังคับใช้ ซึ่งประกาศนี้ได้เน้นให้มีความเหมาะสมระหว่างกำลังเครื่องจักรของเรือลากจูง และขนาดของเรือลำเลียงซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นจากอดีต รวมทั้งได้เพิ่มให้มีเรือดึงท้ายในช่วงทางโค้ง ทางแคบด้วย โดยประกาศนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.-31 ธ.ค.54" นายถวัลย์รัฐ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากนายเรือหรือผู้ควบคุมเรือผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว ต้องมีโทษปรับตั้งแต่ 500-5,000 บาท และให้เจ้าท่ามีอำนาจสั่งยึดประกาศนียบัตรควบคุมเรือมีกำหนดไม่เกิน 6 เดือน และหากนายเรือที่อยู่ระหว่างถูกยึดประกาศนียบัตรควบคุมเรือมาปฏิบัติหน้าที่จะมีโทษปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท


แท็ก น้ำป่า  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ