นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า จากมหาอุทกภัยครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อความเสียหายให้แก่โครงการด้านพลังงานทดแทนในพื้นที่ภาคกลางเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ กำลังผลิต 38 เมกะว้ตต์ ของบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) ที่ตั้งอยู่ อ.บางปะอิน จ.อยุธยา ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะแผงโซล่าร์เซลล์ที่ได้มีการติดตั้งไว้แล้วกว่า 165,000 แผ่น ที่เบื้องต้นจากการสำรวจพบว่าเสียหายเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ แม้ความเสียหายทั้งหมดทางบางจาก ฯ ได้ยืนยันว่ามีบริษัทรับประกันไว้ และเตรียมที่จะเดินหน้าโครงการต่อ แต่จากแผงโซล่าร์เซลล์ที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด พพ. เกรงว่าจะมีผู้ประกอบการหัวใส รับซื้อต่อจากบริษัทประกัน หรือใช้ช่องทางอื่นๆ ที่คาดว่าจะมีบางส่วนเล็ดลอดนำออกมาขายทอดตลาด ซึ่งอาจจะนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ในโครงการโซล่าร์ฟาร์มอื่นๆ ที่จะมีการขายเข้าระบบต่อเพื่อขอรับส่วนเพิ่มการรับซื้อไฟฟ้า (Adder)
"อยากจะวอนให้ผู้ประกอบการอย่าใช้แผงโซล่าร์เซลล์ที่ได้รับความเสียหายครั้งนี้ เนื่องจากไม่อยู่ในสภาพใช้งาน 100% และถือเป็นการเอาเปรียบต่อผู้ประกอบการรายอื่น อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อการผลิตในระยะยาวอีกด้วย" นายไกรฤทธิ์ กล่าว
ในส่วนแผงโซล่าร์เซลล์ที่ได้รับความเสียหายครั้งนี้ จะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบว่ามีแผงโซลาร์เซลล์ ที่ได้รับความเสียหายเล็กน้อย หรือพอที่จะใช้งานได้ พพ.ก็จะได้ประสานต่อไปยังบางจาก ฯ เพื่อพิจารณาแนวทางการนำแผงที่อาจจะยังพอใช้งานได้เหล่านี้ ไปใช้ประโยชน์ในด้านสาธารณะต่อไป โดยเบื้องต้นอาจจะได้นำไปติดตั้งในพื้นที่ชนบทห่างไกลที่สายส่งไฟฟ้าไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยจะติดตั้งในรูปแบบ SPS (Stand-Alone PV system) อาทิ ตามโรงเรียน โรงพยาบาล หรือชุมชนในถิ่นทุรกันดาล เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางสังคมต่อไป
อนึ่ง โครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ของบมจ. บางจากปิโตรเลียม (BCP) มีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้ารวม 118 เมกะวัตต์ โดยโครงการระยะที่หนึ่งขนาด 38 เมกะวัตต์ ที่ อ.บางปะอิน จ.อยุธยา บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ ซึ่งก่อนเกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ได้มีความก้าวหน้าในการก่อสร้างใกล้ที่จะเสร็จเรียบร้อย และตามแผนเดิมจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าได้ในช่วงปลายปี 2554