เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.60% แตะที่ 1.3454 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3374 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันพฤหัสบดี และพุ่งขึ้น 1.28% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 122.35 เยน จากระดับ 120.80 เยน เมื่อวันก่อน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.68% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.940 เยน จากระดับ 90.330 เยน และปรับตัวขึ้น 0.38% แตะที่ 1.0062 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.0024 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐขยับลง 0.24% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9267 ฟรังค์ จากระดับ 0.9289 ฟรังค์
ขณะที่เงินปอนด์ขยับขึ้น 0.06% แตะที่ 1.5797 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5788 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลง 0.25% แตะที่ 1.0424 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0450 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับลง 0.01% แตะที่ 0.8376 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8377 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่อีซีบีเผยว่า ธนาคาร 278 แห่งในภูมิภาคที่กู้เงินผ่านโครงการจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยะยาว หรือ LTRO ตัดสินใจที่จะชำระเงินกู้งวดเป็นเงินจำนวน 1.37 แสนล้านยูโรในสัปดาห์หน้า โดยจำนวนดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาพคล่องที่ดีขึ้นในระบบธนาคาร
ทั้งนี้ ในเดือนธ.ค.2554 อีซีบีได้ประกาศปล่อยสินเชื่อ 3 ปี ให้ธนาคารพาณิชย์ 523 แห่งในยูโรโซน โดยคิดดอกเบี้ยเพียง 1% ด้วยความหวังว่า ธนาคารต่างๆในภูมิภาคจะมีเงินไปใช้สำหรับกู้ยืมซึ่งกันและกันได้ง่ายขึ้น รวมถึงปล่อยกู้ให้ภาคธุรกิจซึ่งจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง หรือนำไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลในภูมิภาค
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีที่ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนม.ค. โดยวานนี้สถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 104.2 จาก 102.4 ในเดือนธ.ค.
การเปิดเผยข้อมูลของ Ifo สอดคล้องกับรายงานของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW เมื่อต้นสัปดาห์ที่ระบุว่า ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในเดือนม.ค.พุ่งขึ้นเกินคาดแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2553 อันเนื่องมาจากมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นว่าเศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในยุโรปจะสามารถต้านทานวิกฤตหนี้ในภูมิภาคและฟื้นตัวขึ้นได้
ด้านสกุลเงินเยนยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่มีรายงานอ้างคำกล่าวของนายยาสุโตชิ นิชิมูระ รมช.กระทรวงเศรษฐกิจ ระบุว่าเงินเยนมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงอีก และยังกล่าวด้วยว่าหากสกุลเงินเยนอ่อนค่าลงมาถึงระดับ 100 เยนต่อดอลลาร์ ก็ยังถือว่าเป็นระดับที่ยอมรับได้
ในการประชุมคณะกรรมการการเงินเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติขยายเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อขึ้นสองเท่าสู่ระดับ 2% และจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลและสินทรัพย์อื่นๆ โดยจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2557 อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินทั่วโลกไม่ขานรับความเคลื่อนไหวของบีโอเจ