เงินบาทเปิด 28.93/96 คาดวันนี้ลงไปทดสอบระดับ 28.90 บาท/ดอลลาร์

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 17, 2013 09:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 28.93/96 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 29.04/06 บาท/ดอลลาร์
"ช่วงที่เราหยุดสงกรานต์บาทขึ้นไปที่ 29.15 บาท แต่วันนี้เปิดมาก็ลงไปต่ำกว่า 29 บาท เพราะมีแรงขายดอลลาร์ ทำให้บาทขยับลงมา แต่คงจะลงได้ไม่มาก เพราะตลาดยังระแวงกันเอง คือ เทรดเดอร์คงจะไม่ take position ใหญ่ๆ ไม่ base ไปด้านใดด้านหนึ่ง ประกอบกับบาทก็ลงไปเยอะแล้ว คงยังไม่มีทิศทางชัดเจนในวันนี้" นักบริหารเงิน ระบุ

อย่างไรก็ดี จากการที่ราคาทองคำปรับลดลงไปราว 10% ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมายังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทมากนัก โดยปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสำคัญคือ การประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มจี 20 ซึ่งเตรียมพิจารณาข้อเสนอลดหนี้สาธารณะในระยะยาว ให้เหลือต่ำกว่า 90% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทมีโอกาสจะอ่อนค่าลงไป test ที่ระดับ 28.90 บาท/ดอลลาร์ โดยมองกรอบไว้ที่ 28.90-29.05 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคาร ธปท.วันนี้อยู่ที่ 29.040 บาท/ดอลลาร์
  • เช้านี้เงินเยนเปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 98.09 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3183 ดอลลาร์/ยูโร
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้(16 เม.ย.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะใช้เดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อสกุลเงินดอลลาร์
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้(16 เม.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำดิ่งลงไปกว่า 140 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนสัญญาทองคำดีดตัวขึ้นด้วย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 26.3 ดอลลาร์ หรือ 1.93% ปิดที่ 1,387.4 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 28 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 12,800 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,384.61 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 3.03 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.761 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้
  • ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ เนื่องจากข้อมูลการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งขยายตัวสูงขึ้นกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ยกระดับการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น และเงินเยนที่อ่อนค่าลง
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ยอดการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 7% สู่ระดับ 1,036,000 ยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 930,000 ยูนิต นับเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่มิ.ย.51 หรือในรอบเกือบ 5 ปี
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ลดลง 0.2% สะท้อนให้เห็นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มปรับตัวลดลง
  • นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี นิวส์ว่า เกาหลีเหนือมีแนวโน้มว่าจะดำเนินการที่ยั่วยุมากขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า พร้อมกับผลักดันให้เกาหลีเหนือเลือกที่จะประสานงานร่วมกับสหรัฐและประเทศพันธมิตร
  • นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยสูงกว่าต่างประเทศ เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น แต่เท่าที่ตรวจสอบ ธปท. ยังไม่พบการกู้ดอกเบี้ยต่ำในต่างประเทศ แล้วมาหาผลตอบแทนสูงในไทย (แคร์รีเทรด) เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยลอยตัวแบบมีการบริหารจัดการ ทำให้มีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจจะได้กำไรดอกเบี้ยแต่ต้องรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ไม่คุ้มค่าที่จะหาผลตอบแทนแบบนี้
  • น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สบน.อยู่ระหว่างพิจารณาออกพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์) อายุ 100 ปี ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่สบน.เตรียมไว้เป็นเครื่องมือในการระดมทุนของรัฐบาลในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันพันธบัตรรัฐบาลอายุสูงสุดคือ 50 ปี โดยการออกพันธบัตรอายุที่ยาวขึ้นนั้นสบน.ศึกษามาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่มีจังหวะที่ เหมาะสมในการออก
  • นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า หากเงินบาทยังแข็งอยู่ต่อไป โอกาสที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 56 ที่ตั้งไว้ 5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อาจจะต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินการและกำไรของบริษัทผู้ส่งออก ซึ่งมีผลกระทบต่อการบริโภค และการลงทุนของภาคเอกชนในอนาคต
  • คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) นัดถกรับมือบาทแข็งฉุดส่งออก 24 เม.ย. ก่อนสรุปส่งให้พาณิชย์ หวั่นทั้งปีโตต่ำเป้าหมาย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ