โดยวันนี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าตามทิศทางของค่าเงินสกุลอื่นๆ ในเอเชีย หลังจากที่ค่าเงินในเอเชียส่วนใหญ่ได้เริ่มปรับตัวอ่อนค่าไปก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ดีวันนี้มีการเข้ามา interveen จากแบงก์ชาติอยู่ในบางช่วง ซึ่งไม่เช่นนั้นปิดตลาดวันนี้เงินบาทอาจจะไปแตะที่ระดับ 31.70 บาท/ดอลลาร์แล้ว
"เงินในเอเชียทั้งหมดอ่อนค่าลง จากผลของตัวเลขเศรษฐกิจของบางประเทศในเอเชียที่ออกมาไม่ค่อยดี แต่จริงค่าเงินในเอเชียอ่อนค่าไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่วันนี้บาทเพิ่งจะอ่อนตาม" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.50-31.75 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 97.29/32 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 97.81/86 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3391/3394 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.333/3336 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,370.86 จุด ลดลง 27.62 จุด, -1.98%
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 11,368.25 ลบ.(SET+MAI)
- นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่า เงินบาทที่อ่อนค่าลงมากในวันนี้ถือว่าสอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง อาจจะมาจากการรายงานภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 2/56 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) แต่โดยรวมแล้วมองว่าค่าเงินบาทยังไม่มีประเด็นที่น่ากังวล เนื่องจากยังเคลื่อนไหวสอดคล้องพื้นฐาน
พร้อม คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3/56 ไม่น่าจะติดลบเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/56 และแม้ว่าเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มการชะลอตัวตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะยังไปได้ตามที่ประมาณการไว้ แม้จะไม่ได้ขยายตัวสูงมากนัก
- นายกรณ์ จาติกวนิช อดีต รมว.คลัง ได้โพสต์เฟซบุคส่วนตัวแสดงความเห็นว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย(Recession)โดยได้ชี้ให้เห็นว่า วันนี้ถือว่าเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากไตรมาส 2/56 เศรษฐกิจไทยขยายตัวติดลบ 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/56 ที่ขยายตัวได้ 5.4% และไตรมาส 1/56 ติดลบ 1.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/55 ที่ขยายตัวสูงถึง 18.9% ถือว่าเป็นการเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งแรกตั้งแต่ช่วงวิกฤติปี 51-52
- นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยไม่มีภาวะที่น่าเป็นห่วง หรือเข้าสู่ภาวะถดถอยตามที่มีการเสนอข่าวแน่นอน เนื่องจากหากเทียบอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้กับไตรมาสแรกของปีก่อน พบว่าการขยายตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังเหลือเวลาในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจตามมาตรการของรัฐบาล เพื่อให้อัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย
- นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยตามที่หลายฝ่ายเป็นกังวล เป็นเพียงภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิคเท่านั้น ไม่ใช่การถดถอยอย่างแท้จริงของภาวะเศรษฐกิจไทย โดยมองว่าเป็นเพียงการชะลอตัวลงภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ถึงจุดต่ำสุดแล้ว และคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้ราวไตรมาส 4/56 หรือต้นปี 57 สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโลกที่กำลังเริ่มฟื้นตัวขึ้น
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มองว่า ความเสี่ยงหนี้สินภาคครัวเรือนในระยะต่อไปน่าจะลดลง เนื่องจากสถานการณ์สินเชื่อมีแนวโน้มแผ่วลงแล้ว และน่าจะกลับสู่ภาวะปกติ เช่นเดียวกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ในปีก่อนมีการขยายตัวในระดับสูง และล่าสุดเศรษฐกิจไทยก็เริ่มกลับเข้าสู่การเติบโตอย่างปกติ
- ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง โดยดัชนี Stoxx Europe 600 อ่อนตัว 0.7% แตะ 302.68 เมื่อเวลา 08.05 น.ตามเวลาลอนดอน ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะควบคุมโครงการซื้อพันธบัตรอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนก.ย.
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน รายงานราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงร่วงลง 135 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 12,630 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,367.98 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ปรับตัวลดลง 14.62 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง
- สมาคมธุรกิจสาขาของญี่ปุ่น เปิดเผยยอดขายในร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่นเดือนก.ค.ลดลง 0.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 777.05 ล้านเยน ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อลูกค้า 1 คนลดลง 0.8% เฉลี่ยอยู่ที่ 588.9 เยน สำหรับยอดขายของห้างร้านทั้งหมด รวมถึงเอาท์เล็ทเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 4.6% สู่ระดับ 856.06 ล้านเยน