ขณะที่ไทยเอง ได้มีโอกาสศึกษาแนวทางการพัฒนาธุรกิจด้านการท่องเที่ยวของสวิส เนื่องจากสวิสเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งธุรกิจต่อเนื่องเช่น ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจบริการอื่นๆ ในขณะที่ไทยเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในด้านของเอกลักษณ์ทางประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งไทยได้เชิญให้นักธุรกิจสวิสมาร่วมลงทุนในธุรกิจด้านนี้กับไทย และใช้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้วย เช่น ธุรกิจสปา และธุรกิจลองสเตย์ เป็นต้น
"สวิสเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จด้านการท่องเที่ยว และเป็นคู่ค้าของไทยในอันดับต้นๆ เพราะฉะนั้นต้องมีความร่วมมือกันเพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุดแก่ประชาชน และภาคธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศ" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ระบุว่า ได้มีโอกาสชี้แจงให้นักธุรกิจสวิสรับทราบและเกิดความเชื่อมั่นถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย มูลค่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในการเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนที่มีประชากร 600 ล้านคน ซึ่งเมื่อรวมกับจีนตอนใต้ 5 มณฑลอีกราว 300 ล้านคน ก็จะเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรรวมกันเกือบพันล้านคน
ดังนั้นนักธุรกิจของสวิสที่สนใจมาลงทุนในไทย ก็จะมีตลาดของผู้บริโภคขนาดใหญ่เป็นที่รองรับในการส่งออก หรือกระจายสินค้าได้เป็นจำนวนมาก โดยรัฐบาลไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนนักธุรกิจในการเข้ามาตั้งฐานการผลิตสินค้า เพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ที่ใกล้เคียง
"เรามีแผนระยะยาว 7 ปี เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงภูมิภาคโดยหวังให้ไทยเป็น HUB ในด้านการผลิตสินค้า ด้านโลจิสติกท์ในภูมิภาคที่จะมาตั้งฐานการผลิตในไทย และกระจายสินค้าไปยังประชากรอีกราว 1 พันคนได้" รมว.คมนาคม กล่าว