BOI เผยยอดขอส่งเสริมลงทุน Q1/57 ลดลง 10% มูลค่า 2.3 สนลบ. แต่มั่นใจทั้งปีตามเป้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 11, 2014 11:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เผยยอดคำขอรับส่งเสริมในช่วงไตรมาสแรกปี 2557(ม.ค.-มี.ค.) มูลค่าเงินลงทุนที่ยื่นขอส่งเสริมสูงถึง 234,000 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยื่นขอลงทุนมากที่สุด คือ ยานยนต์และชิ้นส่วน ตามด้วยกลุ่มปิโตรเคมี และโรงไฟฟ้า ส่วนการลงทุนของต่างประเทศ มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 28%

"มีจำนวนโครงการยื่นขอรับส่งเสริม 291 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 234,000 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการลดลงร้อยละ 48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีจำนวน 564 โครงการ ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีมูลค่า 261,600 ล้านบาท" นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการบีโอไอ กล่าว

ทั้งนี้ หากพิจารณาการยื่นขอรับส่งเสริมรายอุตสาหกรรมจะพบว่า มีหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีการขยายการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องจักร มีมูลค่าเงินลงทุน 157,000 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 265 ซึ่งเป็นผลมาจากการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 หรือ อีโคคาร์ 2 ตามด้วยกลุ่มบริการและสาธารณูปโภค 31,400 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กระดาษและพลาสติก มีมูลค่าเงินลงทุนของโครงการทั้งหมดที่ยื่นขอรับส่งเสริม 23,200 ล้านบาท และกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่าเงินลงทุน 11,900 ล้านบาท

"แม้มูลค่าเงินลงทุนส่วนใหญ่จะมาจากโครงการอีโคคาร์ 2 แต่ก็ยังมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ระดับหลายพันล้านบาท ถึงระดับหมื่นล้านบาทที่ยื่นขอส่งเสริมเข้ามาในช่วงไตรมาสแรกนี้ด้วย และจากการพบปะหารือกับนักลงทุนก็พบว่าจะมีการยื่นขอรับส่งเสริมเข้ามาอีก จึงมั่นใจว่า เป้าหมาย 9 แสนล้านบาทที่ตั้งไว้ในปีนี้น่าจะเป็นไปตามคาด" เลขาธิการบีโอไอ กล่าว

สำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ยื่นขอรับส่งเสริมนอกเหนือจากอีโคคาร์ 2 แล้ว ก็จะมีโครงการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า โครงการโรงไฟฟ้า โครงการปิโตรเคมี และโครงการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ เป็นต้น

นายอุดมกล่าวถึงการยื่นขอรับส่งเสริมของโครงการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาว่า มีจำนวน 197 โครงการ เงินลงทุนทั้งสิ้น 201,966 ล้านบาท จำนวนโครงการปรับลดลง ร้อยละ 41 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 338 โครงการ ขณะที่เงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าเงินลงทุนอยู่ที่ 157,671 ล้านบาท

โครงการลงทุนจากญี่ปุ่นเป็นกลุ่มที่ยื่นขอรับส่งเสริมมากที่สุด จำนวน 96 โครงการ เงินลงทุน 61,135 ล้านบาท โดยโครงการและมูลค่าเงินลงทุนปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน 176 โครงการ เงินลงทุน 87,483 ล้านบาท หรือปรับลดลง ร้อยละ 45.4 และ 30 ตามลำดับ

นอกจากนี้ พบว่ามีการลงทุนของต่างชาติจากหลายประเทศ ที่มีมูลค่าการลงทุนรวมสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก ได้แก่ โครงการลงทุนจากสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าเงินลงทุน 41,065 ล้านบาท โครงการลงทุนจากจีนมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 9,403 ล้านบาท และโครงการลงทุนจากเกาหลีใต้ มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 9,368 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ