นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.26/27 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 32.28/30 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา
"หลังเปิดตลาดเช้าค่อยๆ ซึมลงมาเรื่อยๆ ตลาดค่อนข้างเงียบ นักลงทุนน่าจะกลับมาสัปดาห์หน้า" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดวันพรุ่งนี้เงินบาทจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.25-32.35 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.32 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 102.04 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3841 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3810 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,401.84 จุด เพิ่มขึ้น 12.68 จุด, +0.91% มูลค่าการซื้อขาย 26,653.67 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 264.26 ล้านบาท(SET+MAI)
- นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คระบุ Timeline การเลือกตั้งไทย(ที่ไม่เกี่ยวกับ ป.ป.ช.หรือศาลรัฐธรรมนูญ) ว่า เลือกตั้งเร็วสุดน่าจะเป็นวันอาทิตย์ที่ 20 หรือ 27 ก.ค.57 โดยการเลือกตั้งครั้งใหม่ไม่น่าจะมีเหตุโมฆะ เนื่องจาก กกต.ได้กำหนดวิธีการรับสมัครด้วยวิธีการที่หลากหลาย ทำให้น่าจะมีผู้สมัครครบทุกเขต แต่การได้ ส.ส.ครบร้อยละ 95 ภายใน 30 วัน หลังจากการเลือกตั้งออกเป็นปัญหา เนื่องจากต้องเลือกตั้งครบทุกหน่วยจึงจะสามารถประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ และหากสถานการณ์ไม่เลวร้ายมากจะสามาถเปิดประชุมรัฐสภาได้ในเดือน ก.ย.57 และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ในเดือน ต.ค.57
- นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เผยปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยอย่างแรง ทำให้เกิดแรงกดดันต่อการใช้จ่ายในประเทศในไตรมาสแรก ทั้งการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ภาครัฐ การลงทุนรวมและนักท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่ในภาวะที่หดตัวทั้งหมด ขณะที่การส่งออกขยายตัวใกล้เคียง 0% โดยศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 1/57 เทียบกับไตรมาส 4/56 อยู่ที่ -1.8% แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 56 จะขยายตัวประมาณ 0.7% ซึ่งการที่เศรษฐกิจหดตัวจากไตรมาสก่อนหน้าสะท้อนถึงความเสี่ยงภาวะถดถอยที่เศรษฐกิจไทยเผชิญ ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตได้ที่ 3% และทั้งปีจะโตเฉลี่ยประมาณ 1.8%
- นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน คาดราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ถึงสัปดาห์หน้ามีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังนักลงทุนคาดว่าวิกฤตการณ์ยูเครนจะมีทางออก โดยจะมีการเจรจากันระหว่างสหภาพยูโรป รัสเซีย และยูเครนในวันพรุ่งนี้(17 เม.ย.) ประกอบกับลิเบียจะเริ่มกลับมาส่งออกน้ำมันได้หลังการเจรจากลับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลได้ข้อยุติ ขณะที่ปริมาณสต๊อกน้ำมันของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 100-105 ดอลลาร์/บาร์เรล น้ำมันดิบ Brent จะเคลื่อนไหวในกรอบ 105-110 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบดูไบ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 103-108 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ทางการสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในคืนนี้ตามเวลาไทย ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือน มี.ค.และตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือน มี.ค.
- นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เผยมีแนวคิดที่จะผ่อนคลายหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุนรวมที่เสนอขายต่อผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย(กอง AI) ให้สามารถลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้โดยไม่จำกัดอัตราส่วนการลงทุน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนในกองทุนที่ใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเพิ่มผลตอบแทน หรือสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายและซับซ้อนได้มากขึ้น
- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดเพิ่มขึ้นในวันนี้ เนื่องจากหุ้นญี่ปุ่นที่พุ่งขึ้นส่งผลให้มีการเทขายพันธบัตร โดยอัตราตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 333 ซึ่งเป็นมาตรวัดดอกเบี้ยระยะยาวปิดที่ 0.605% เพิ่มขึ้น 0.005% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ส่วนราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือน มิ.ย.ลดลง 0.04 จุด แตะที่ 145.04 ที่ตลาดหุ้นโอซาก้า
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงร่วงลง 152 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 12,068 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือราคาเทียบเท่ากับ 1,307.11 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 16.46 ดอลลาร์สหรัฐ