โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 57 (ต.ค.56-มี.ค.57) มีการจัดเก็บรายได้อยู่ที่ 1.11 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 2 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนนี้ถ้าหักการขอคืนภาษี และการนำส่งเงินให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ยอดการจัดเก็บรายได้ที่แท้จริงจะอยู่ที่ 9.35 แสนล้านบาท
โดยในส่วนของการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) มีการปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อปัญหาการเมืองจึงทำให้ชะลอการใช้จ่ายลง ขณะที่การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็ปรับตัวลดลงเช่นกันตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลมีการแบ่งขั้นอัตราภาษีให้ถี่ขึ้นซึ่งเดิมคาดว่าจะช่วยขยายฐานผู้เสียภาษีให้มากขึ้นนั้น แต่กลับไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่การจัดเก็บภาษีนิติบุคคล ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามยอดการเสียภาษี เพราะยังไม่ถึงกำหนดการเสียภาษี แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวลงบ้างแล้ว
"ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อ จนทำให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ กระทบต่อการใช้จ่ายงบประมาณทั้งในส่วนของรายรับ และรายจ่าย ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวลงในหลายส่วน ส่วนตัวหวังให้การเมืองจบเร็วที่สุด เพื่อจะได้ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น" นายกิตติรัตน์ กล่าว
รองนายกฯ และรมว.คลัง ยืนยันว่า แม้ขณะนี้จะยังไม่มีรัฐบาลถาวร แต่ประเทศไทยจะไม่เกิดภาวะ shutdown เหมือนเช่นสหรัฐฯ แน่นอน เนื่องจากในหลักการของประเทศไทยคือจะไม่มีการหยุดชะงักในการใช้จ่ายงบประมาณแม้จะไม่มีรัฐบาลใหม่ เพราะยังสามารถใช้งบประมาณเก่าไปพลางก่อนได้ ซึ่งจะไม่ทำให้ประเทศเกิดภาวะ shutdown ในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณแน่นอน
อย่างไรก็ดี คาดว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ภายในเดือนก.ค.57 เพื่อให้มีรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจในการบริหารประเทศได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีอำนาจในการกำหนดงบประมาณประจำปี ทั้งในส่วนของงบประมาณรายจ่าย และงบลงทุน