ธอส.เผย 6 เดือนแรกสินเชื่อขยายได้ตามเป้า อสังหาฯภาคตะวันออก-อีสานบูม

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday July 6, 2014 16:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอังคณา ปิลันธน์โอวาท ไชยมนัส กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้แล้วกว่า 60,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 134,000 ล้านบาท ถือว่าน่าพอใจ เพราะบางเดือนมีวันหยุดทำการมาก โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อจากภูมิภาคมากกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่อสังหาริมทรัพย์ยังมีการเติบโตดี

ส่วนสินเชื่อบ้าน ธอส. เพิ่มสุขที่ให้ลูกค้าเก่ามีประวัติผ่อนดี 3 ปี กู้เพิ่มได้รายละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.99 นาน 3 ปีนั้น ล่าสุดมีลูกค้ายื่นกู้แล้วเกือบ 200 ล้านบาท มองว่าหลังจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับคืนมาและเศรษฐกิจดีขึ้นเรื่อย ๆ ลูกค้าจะมากู้เงินมากขึ้น โดยสิ้นปีน่าจะได้ตามเป้า 5,000 ล้านบาท หากมีความต้องการมากก็สามารถขยายวงเงินได้

สำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อเด่น ๆ ของธนาคาร อาทิ โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก เปิดโอกาสให้ลูกค้าทั่วไปและกลุ่มที่มีอาชีพอิสระรายได้สุทธิไม่เกิน 15,000 บาท กู้สูงสุดไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ดอกเบี้ยปีแรกร้อยละ 3.50 ปีที่ 2 ดอกเบี้ยร้อยละ 4.25 นั้น ถือว่ามีสัญญาณที่ดีมีลูกค้าเข้ามากู้เงินมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่ไม่เกินล้านบาท ซึ่งถือเป็นโครงการที่ช่วยสนับสนุนผู้ที่มีรายได้น้อยให้มีบ้านเป็นของตัวเองอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีโครงการบ้าน ธอส.-กบข. เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการ ครั้งที่ 10 ซึ่งให้อัตราพิเศษดอกเบี้ยร้อยละ 0 นาน 7 เดือน หลังจากนี้จนถึงสิ้นปี ธอส.คงออกโครงการสินเชื่อใหม่เพิ่ม เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจกู้ซื้อบ้านในภาวะที่ดอกเบี้ยทรงตัวหรืออาจลดลงเล็กน้อย แต่คงไม่ใช้โปรโมชั่นร้อยละ 0 เหมือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงต้นปีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารจะสูงขึ้นบ้าง แต่ล่าสุดสิ้นเดือนเมษายนอยู่ที่ร้อยละ 6.22 ลดลงจากไตรมาสแรกซึ่งมีเอ็นพีแอลอยู่ที่ร้อยละ 6.29 และปีนี้จะพยายามบริหารให้หนี้เสียปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง

ส่วนเงินฝากขณะนี้ถือว่าเริ่มมีเงินฝากจากลูกค้ารายย่อยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายปีนี้อยู่ที่ 37,000 ล้านบาท ขณะนี้มีเงินฝากเข้ามาเกินครึ่งแล้ว เนื่องจากธนาคารมีนโยบายเชิงรุกในการเข้าหาลูกค้า ส่งผลให้เงินฝากรวมล่าสุดอยู่ที่ 630,000 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ