ธ.ก.ส.คาดเศรษฐกิจภาคเกษตร H2/57 โต 2.6-3.2%-โพลล์ชี้ความสุขเกษตรกรเพิ่ม

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 23, 2014 12:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวถึงเศรษฐกิจการเกษตรไทยครึ่งหลังปี 57 มีแนวโน้มจะขยายตัวร้อยละ 2.6-3.2 เนื่องจากการขยายตัวของผลผลิตพืชสำคัญ ได้แก่ ข้าวนาปี อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมันและผลไม้ ในครึ่งหลังของปี รวมถึงแนวโน้มผลผลิตไก่เนื้อ สุกร ไข่ไก่ ที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับกุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มที่ดีในการแก้ปัญหาโรคกุ้งตายด่วน(EMS) ทำให้ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
"คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง จะทำให้อุปสงค์ความต้องการสินค้าเกษตรในครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าเกษตรและส่งผลต่อเนื่องให้รายได้ของภาคเกษตรเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมัน ภัยแล้ง ภาวะน้ำท่วม และโรคระบาดที่อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรเสียหายได้"นายสมศักดิ์ ระบุ

ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดว่าในครึ่งหลังปี 57 สินค้าเกษตรที่จะมีราคาสูงขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง อ้อยโรงงานและน้ำตาลทราย ไก่เนื้อ และสุกร สำหรับสินค้าเกษตรที่คาดว่าราคาจะลดลงเล็กน้อย ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และกุ้งขาวแวนนาไม

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 57 จะขยายตัว ร้อยละ 2.5-3.5 ต่อปี ปรับตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก อันเป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยดีขึ้น ส่งผลให้อุปสงค์ต่างประเทศผ่านภาคการส่งออกและอุปสงค์ภายในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนสามารถขยายตัวได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมือง การเร่งรัดจ่ายเงินโครงการจำนำข้าว ปีการผลิต 56/57 ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ใช้จ่ายในการลงทุนทางการเกษตรและการบริโภคภาคชนบท

อีกทั้ง ผลจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 57 และการอนุมัติแผนงบประมาณรายจ่ายปี 58 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 57 สนับสนุนให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ดีกว่าครึ่งปีแรก ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปี 57 จะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 1.6-2.4 ต่อปี

นอกจากนี้ ทางศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. ได้สำรวจความคิดเห็น (Poll) ของกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรในทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 2,346 ราย ในช่วงเดือน มิ.ย.57 หัวข้อ “ระดับความสุขของเกษตรกรไทย" พบว่า ความสุขมวลรวมของเกษตรกรไทยในภาพรวมอยู่ในระดับมากด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.10 จากคะแนนเต็ม 4 คะแนน โดยเกษตรกรมีความสุขในระดับมากขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ 78.51

ทั้งนี้ ความสุขของเกษตรกรไทยวัดจากตัวชี้วัดความสุขใน 6 มิติ คือ ครอบครัวดี คะแนนเฉลี่ยมากที่สุด 3.41 คะแนน ตามมาด้วยสุขภาพดี 3.21 คะแนน สังคมดี 3.20 คะแนน การงานดี 3.14 คะแนน สุขภาพเงินดี 2.85 คะแนนและใฝ่รู้ดี 2.74 คะแนน โดยในแต่ละมิติมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก

สำหรับระดับความสุขของเกษตรกรหลังได้รับเงินโครงการรับจำนำข้าว พบว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีความสุขมวลรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับมากที่สุดด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.35 จากคะแนนเต็ม 4 คะแนน ภายหลังจากได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว โดยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวส่วนใหญ่มีความสุขในระดับมากขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ 88.6 สะท้อนให้เห็นว่าหลังจากเกษตรกรได้รับเงินแล้วเกษตรกรมีสภาพคล่องในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และมีความหวังในอาชีพทำนามากขึ้นหลังจากรอคอยเงินในโครงการฯ มาไม่ต่ำกว่า 6-8 เดือน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระดับความสุขของเกษตรกรส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับมากที่สุด

ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. มีความเห็นว่าการที่จะทำให้เกษตรกรมีระดับความสุขเพิ่มขึ้น ธ.ก.ส. ควรส่งเสริมการเพิ่มผลิตภาพผลผลิตทางการเกษตร ด้วยการลดต้นทุนการผลิต การพัฒนาเทคนิคการผลิต การใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตร และการสนับสนุนให้มีการทำอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายของเกษตรกร ซึ่งจะทำให้ดัชนีชี้วัดด้านสุขภาพเงินดีและใฝ่รู้ดีมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความสุขโดยรวมของเกษตรกรเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส. ควรส่งเสริมการมีอาชีพเสริมทั้งภาคการเกษตรและนอกภาคการเกษตร โดยการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพระยะสั้นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนจนสามารถยึดเป็นอาชีพที่สองได้ ที่สำคัญคือ ควรให้คำแนะนำด้านการตลาดเพื่อสร้างช่องทางการจำหน่ายและกระจายสินค้า โดยภาครัฐและส่วนงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งมาตรการช่วยเหลือหรือสนับสนุนให้แก่เกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกษตรกรเกิดความมั่นใจในมาตรการช่วยเหลือจากรัฐ อาทิ การสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อลดต้นทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ