"หวังว่าสิ่งที่ได้มีการเรียกร้องน่าจะเป็นหนึ่งเรื่องที่ คสช.ควรจะให้ความสำคัญ เนื่องจากธุรกิจสื่อสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศชาติอย่างมาก ทั้งในด้านการจ้างงาน การผลิตคอนเทนต์ ซึ่งขณะนี้ได้รับผลกระทบจากแนวทางการทำงานของ กสทช.โดยตรง...และในวันนี้เราก็มีความจำเป็นต้องทำ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบให้เกิดการแจกคูปองล่าช้า แต่ช้าดีกว่าไม่ถึง ดีกว่าไม่ใช่"นางจำนรรค์ กล่าวในการแถลงข่าว
การออกมาเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้านราคาคูปองครั้งนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการทำงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) โดยทางสมาพันธ์ฯ และผู้ประกอบการมีความไม่สบายใจอย่างยิ่ง หากประชาชนจะมีความลำบากในการเพิ่มภาระในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิตอล เนื่องจากการสำรวจราคากล่อง Set Top Box ในท้องตลาด พบว่าราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 1,100 บาท และสูงสุดอยู่ที่ 2,600 บาท อาจส่งผลทำให้ประชาชนไม่นำคูปองไปใช้
ขณะที่ในมุมมองของผู้ประกอบการที่ผลิตกล่อง Set Top Box ก็มองว่าราคาคูปองที่ 690 บาท เป็นราคาที่ไม่ครอบคลุมต้นทุนค่าผลิตกล่องฯ ซึ่งผู้ผลิตกล่องฯ ยังต้องมีการรับประกันหลังการขาย ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่หากเป็นราคา 1,000 บาทน่าจะหมาะสมกว่า
ส่วนผู้ประกอบการดิจิตอลทีวีต้องการให้การแจกคูปองเกิดความรวดเร็วเพื่อให้ทันต่อการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 58 และเสนอให้ทบทวนราคาคูปอง 690 บาทว่าผู้บริโภคสามารถนำไปดำเนินการต่อในการดูทีวีระบบดิจิตอลได้จริงหรือไม่ ขณะเดียวกัน กสชท.ก็ควรจัดทำแผนการพัฒนาธุรกิจทีวีดิจิตอลในอนาคตให้ชัดเจน และมีการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริม รณรงค์ให้ประชาชนให้เข้าใจถึงดิจิตอลทีวี
ทั้งนี้ จากการทำวิจัยของสมาคมมีเดียเอเจนซี่เรื่องการซื้อกล่อง Set Top Box ขณะนี้มีเพียง 7% จากประชากรทั้งหมด ซึ่งมีการซื้อกล่องก่อนที่จะมีการแจกคูปองส่วนลด ส่วนใหญ่กว่า 80% ยังคงรอคอยคูปองส่วนลด ซึ่งหากได้คูปองมาแล้วแต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มก็เป็นความกังวลว่าผู้บริโภคจะยินยอมลงทุนในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ หากไม่ก็จะส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างมาก นอกจากนั้น ยังมีปัญหาจากการแจกคูปองที่ล่าช้า รวมถึงการขยายโครงข่ายต่างๆ ซึ่งมีทุกฝ่าย โดยเฉพาะ กสทช.เร่งมือเพื่อให้เกิดการแพร่ภาพให้เร็วที่สุด
ด้านสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย มองว่าแม้ทางสมาคมอาจจะไม่ได้รับผลกระทบทางตรง แต่ก็ได้รับผลกระทบในทางอ้อม เนื่องด้วยจำนวนผู้ชมเป็นสิ่งสำคัญต่อธุรกิจโฆษณา หากประชาชนไม่ใช้คูปองส่วนลดที่ได้มาก็จะกระทบกับต่อ eyeball และเรทติ้งของรายการต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ กสทช.ควรจะพิจารณาให้ถี่ถ้วน
อนึ่ง ในวันนี้มีผู้ร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย นายสุรินทร์ กฤตยาพันธุ์ ผู้บริหารจากช่อง 3 HD,นายเขมทัตต์ พลเดช ผู้บริหารจากช่อง PPTV ,นายสุรพล พีรพงศ์พิพัฒน์ ผู้บริหารจากช่อง One,นางสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ผู้บริหารจากช่อง GMM CHANNEL,นายพัฒนพงค์ หนูพันธ์ ผู้บริหารจากช่อง 7 HD,นายฉัตรชัย ตะวันธรงค์ ผู้บริหารจากช่องไทยรัฐ ทีวี,นางรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ ผู้บริหารจากช่อง ทรู โฟร์ยู,นายองอาจ สิงห์ลำพอง ผู้บริหารจากช่อง 8,นางอ่อนอุษา ลำเลียนพล นายกสมาคมโฆษาแห่งประเทศไทย และนางวรรณี รัตนพล นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี